แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีนี้โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า รับเป็นฎีกาโจทก์สำเนาให้จำเลยแก้ ให้โจทก์ส่งภายใน 15 วัน ไม่นำส่งจะถือว่าทิ้งฎีกา
ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่เดินหมายกรมบังคับคดีนำหมายนัดและสำเนาฎีกาไปส่งให้ทนายจำเลยไม่ได้ ศาลชั้นต้นสั่งว่า รอโจทก์แถลง ต่อมาเจ้าพนักงานศาลรายงานว่าเวลาได้ล่วงเลย ไปมากแล้วแต่โจทก์มิได้ยื่นคำแถลง ศาลจึงมีคำสั่งให้รวบรวม ถ้อยคำสำนวนส่งศาลฎีกาพิจารณาสั่ง
หมายเหตุ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวน80,963 บาท ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ของต้นเงิน 73,013 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2534 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวข้างต้นเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2534(อันดับ 84)
เจ้าหน้าที่เดินหมายกรมบังคับคดีได้รายงานต่อศาลว่าส่งหมายนัดและสำเนาฎีกาให้ทนายจำเลยไม่ได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2534 ว่า รอโจทก์แถลง โดยไม่ปรากฏหลักฐานในสำนวนว่าได้แจ้งคำสั่งศาลให้โจทก์ทราบแล้วหรือไม่ต่อมาเจ้าพนักงานศาลรายงานต่อศาลเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2535ว่าโจทก์ยังมิได้ยื่นคำแถลงศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งให้ศาลฎีกาพิจารณาสั่ง (อันดับ 85 แผ่นที่ 2,อันดับ 87)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ได้มีการส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยตามคำสั่ง ศาลชั้นต้นแล้ว แต่ส่งให้ทนายจำเลยไม่ได้ เจ้าหน้าที่เดินหมายจึงรายงานต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นสั่งว่ารอโจทก์แถลง โดยไม่ปรากฏว่าทนายโจทก์ได้ทราบคำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้นแล้วดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ทิ้งฎีกา จึงให้ศาลชั้นต้นดำเนินการ ส่งสำเนาฎีกาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2),247