แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 และจำเลยยังมิได้รับอนุญาตให้ฎีกาตามมาตรา 221 จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาข้อ 2 บางส่วนและฎีกาข้อ 3 ข้อ 4เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยในส่วนที่เป็นปัญหาข้อกฎหมายไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานในสำนวนว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 จำคุก 6 เดือน ปรับ 4,000 บาท แต่เนื่องจากจำเลย กำลังศึกษาอยู่ระดับปริญญาโทและประกอบอาชีพการงานเป็น กิจจะลักษณะ ไม่เคยมีความประพฤติเสียหายมาก่อน ทั้งเคยช่วย ค่ารักษาพยาบาลแก่โจทก์บางส่วน อันเป็นการบรรเทาผลร้ายแห่งคดี จึงเห็นสมควรรอการลงโทษจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ถ้าไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 176)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 179)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยขับรถด้วยความเร็วสูงแล่นหลบรถจักรยานที่แล่นอยู่ข้างหน้าโดยมิได้ ชะลอความเร็วลง รถจึงแล่นแฉลบไปตกไหล่ถนนด้านขวาแล้วเกิดพลิกคว่ำ ทำให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บ ถือว่าจำเลยขับรถ ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง
จำเลยฎีกา สรุปได้ใจความได้ว่า จำเลยมิได้ขับรถด้วยความเร็วสูงได้บีบแตรเตือนรถจักรยานแล้ว เมื่อรถแล่นแฉลบไปทางขวาจะตกถนน จำเลยพยายามประคองพวงมาลัยให้รถแล่น บนไหล่ถนน เหตุที่รถพลิกคว่ำเป็นเพราะสภาพของรถและสถาพถนน เป็นการใช้ความระมัดระวังพอสมควรแล้ว เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ให้ยกคำร้อง