แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า กรณีเป็นคดีที่จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกัน ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขใหม่จึงไม่รับฎีกา
โจทก์ที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 เป็นปัญหาข้อกฎหมายโดยมีสาระสำคัญว่า ศาลอุทธรณ์รับฟังพยานหลักฐานคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงและไม่ควรรับฟังพยานหลักฐานซึ่งเป็นพยานบุคคลหักล้างพยานเอกสารเพราะเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ทนายจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 84)
โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนแบ่งที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) เลขที่ 1193ตำบลท่าคันโทอำเภอท่าคันโท จังหวัดกาฬสินธุ์ และที่ดินแปลงพิพาทที่จำเลยได้ยื่นคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ไว้จำนวน 1 ไร่เศษ ให้โจทก์คนละ 3 ไร่ 2 งาน 14 ตารางวา หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแสดงเจตนา แทนจำเลย หากไม่สามารถแบ่งที่ดินกันได้ให้นำที่ดินพิพาท มาประมูลขายระหว่างโจทก์ทั้งหกกับจำเลย ถ้าไม่สามารถประมูลขายระหว่างกันได้ให้นำที่ดินออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งปันกัน ระหว่างโจทก์ทั้งหกกับจำเลย
ระหว่างส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย โจทก์ที่ 2 และที่ 5 ขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นอนุญาต จำหน่ายคดีเฉพาะโจทก์ที่ 2 และที่ 5 ออกจากสารบบความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 ฎีกา ศาลชั้นต้น มีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 80)
โจทก์ที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 จึงยื่นคำร้องนี้(อันดับ 84)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฎีกาของโจทก์ที่ 1 ที่ 3 ที่ 4และที่ 6 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง