แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ยื่นฎีกา และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลชั้นต้นสั่งในฎีกา ว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2534 มาตรา 18 จึงไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 และสั่งในคำร้องขอทุเลาการบังคับว่า เมื่อศาลไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 จึงไม่รับคำร้องขอทุเลาการบังคับให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 เห็นว่า จำเลยที่ 1 มีสิทธิยื่นฎีกาภายในวันที่ 3 ตุลาคม 2534 คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะยื่นฎีกาแต่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2534 มาตรา 18 ที่ศาลชั้นต้นอ้างได้ประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2534มีผลใช้บังคับใช้เมื่อพ้น 60 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ฎีกาของจำเลยจึงไม่ต้องห้ามดังศาลชั้นต้นอ้าง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาและคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกาของจำเลยที่ 1ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 150 แผ่นที่ 2)
ในระหว่างการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโจทก์ ยื่นคำบอกกล่าวขอถอนฟ้องจำเลยที่ 3 ศาลชั้นต้นอนุญาตและ สั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 3 ออกจากสารบบความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกัน ชำระค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงิน 13,651.33 บาท พร้อมด้วย ดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 10 มกราคม 2529เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาและยกคำร้องขอทุเลาการบังคับดังกล่าว (อันดับ 144,143)
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 147)
คำสั่ง
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2534 มาตรา 2 ให้ใช้บังคับมาตรา 18 ของพระราชบัญญัตินี้ให้ยกเลิกความในมาตรา 248 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเดิม และให้ใช้ความใหม่แทนเมื่อพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป และพระราชบัญญัตินี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2534 จึงมีผลใช้บังคับในวันที่27 ตุลาคม 2534
จำเลยที่ 1 ยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2534จึงยังไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ที่แก้ไขใหม่ดังกล่าว ต้องใช้บังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 เดิม ฎีกาของจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ให้รับฎีกาและคำขอทุเลาการบังคับคดีระหว่างฎีกาของจำเลยที่ 1 ไว้ดำเนินการต่อไป