แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังมา เมื่อคดีนี้มีทุนทรัพย์ไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขแล้ว ไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า ที่โจทก์ฟ้องจำเลยตามสัญญาซื้อขายที่ดินอันเป็นที่ที่มีเจ้าของรวม อันเป็นการขายตัวทรัพย์ซึ่งรวมถึงส่วนที่มิใช่เป็นของจำเลยด้วย จึงต้องได้รับความยินยอมจาก เจ้าของรวมทุกคนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1361 เมื่อเจ้าของรวมมิได้ถูกฟ้องหรือเข้ามาเป็นคู่ความด้วย ผลของการบังคับคดีย่อมไม่ผูกพันเจ้าของรวมซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ศาลจึงไม่อาจบังคับจำเลยตามคำขอของโจทก์ได้ อันเป็นปัญหา เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามนัยคำพิพากษาฎีกา ที่ 4134/2529 โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 91)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนขายที่ดินตาม หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก)เลขที่391หมู่ที่9 ตำบลคุริง อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เฉพาะส่วนของจำเลยเป็นเนื้อที่ 4 ไร่ ใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของสิทธิภายในกำหนด30 วัน นับแต่วันมีคำพิพากษา หากจำเลยไม่ไปดำเนินการภายในกำหนด ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 86)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ โดยชำระค่าขึ้นศาลมา 200 บาท (อันดับ 89)
คำสั่ง
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1361 วรรคแรกจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของรวมคนหนึ่งย่อมมีสิทธิจำหน่ายที่ดินส่วนของตนได้ โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของรวมคนอื่นก่อน คดีนี้ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินเฉพาะส่วนของตนตามสัญญาซื้อขายให้โจทก์ คำพิพากษามิได้บังคับถึงบุคคลภายนอกที่มิใช่คู่ความ คำพิพากษาจึงชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าว ที่จำเลยฎีกาข้อกฎหมายว่า จำเลย ขายที่ดินให้โจทก์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของรวมทุกคน สัญญาซื้อขายจึงไม่มีผลตามกฎหมายนั้น เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็น สาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของ จำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ