แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คำสั่งของ ศาลอุทธรณ์ที่ยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 236 ไม่รับฎีกา คืนค่าขึ้นศาลสองร้อยบาทให้จำเลย จำเลยเห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยมาตั้งแต่ต้นจนกระทั่งศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นนั้น คำสั่งของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ดังกล่าวได้สั่งเพราะผิดหลงและไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาคดี คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ยืนตามคำปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง มาตรา 236 และอุทธรณ์ของจำเลยที่ได้ปฏิบัติครบถ้วน ตามอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 30 มกราคม 2538 เป็นปัญหาข้อกฎหมาย อันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นสั่งงดรับเอกสาร งดสืบพยาน โจทก์และจำเลยแล้ว พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 301,448 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2535 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง ต้องไม่เกิน 31,144 บาท ยกฟ้องแย้ง จำเลยอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาล พร้อมอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 229 จึงไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยมิได้นำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง มาวางศาล ทั้งมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือ หาประกันให้ไว้ต่อศาล จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง มาตรา 234 ไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 47) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 48)
คำสั่ง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 ศาลชั้นต้น สั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง