แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลย เป็นฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงไม่รับ จำเลยเห็นว่า ฎีกาข้อ 2(ก) ที่ว่า พยานบุคคลของโจทก์ ไม่น่ารับฟังลงโทษจำเลยเพราะนายโสภณ และ นาย ต่อศักดิ์ พยานโจทก์อยู่ด้วยกันในห้องสอบสวนและให้การชั้นสอบสวน ต่อพนักงานตำรวจพร้อมกัน และฎีกาข้อ 2(ค) ที่ว่า จำเลย ไม่ได้มีเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลย ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 71) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1) ลงโทษจำคุก 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 69) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 71)
คำสั่ง คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษ จำคุกจำเลย 1 ปี ฎีกาของจำเลยที่ว่าศาลไม่ควรรับฟัง คำเบิกความของนายโสภณและนายต่อศักดิ์พยานโจทก์เพราะพยานให้การต่อพนักงานสอบสวนพร้อมกันและที่จำเลย เอารองเท้าไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์จึงไม่มีเจตนา จำเลยจึงไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้องนั้นเป็นการฎีกาโต้เถียง ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง