คำสั่งคำร้องที่ 1468/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทและศาลอุทธรณ์ลงโทษไม่เกินกว่านี้ แม้การแก้จากรอการลงโทษเป็นไม่รอเป็นแก้ไขมากก็ตามแต่ศาลอุทธรณ์ไม่ได้เพิ่มเติมโทษจำเลยจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ไม่รับฎีกานี้ จำเลยเห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่รอการลงโทษจำคุกจำเลย ถือได้ว่าคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เป็นการพิพากษาแก้ไขมากและเพิ่มเติมโทษจำเลย จึงไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334,91 เรียงกระทงลงโทษ จำคุกกระทงละ 6 เดือน และปรับกระทงละ 2,000 บาท รวมจำคุก 1 ปี ปรับ 4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี คำขออื่นของโจทก์ให้ยกเสีย ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวมจำคุก 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 70) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 76)

คำสั่ง การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นไม่รอการลงโทษให้จำเลยแม้จะกำหนดโทษน้อยลง ก็ถือได้ว่าเป็นการแก้ไขมาก และเท่ากับเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย จำเลยมีสิทธิฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงโดยขอให้รอการลงโทษได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงให้รับฎีกาของจำเลย

Share