แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงไม่รับฎีกา คืนค่าขึ้นศาล ชั้นฎีกาให้โจทก์ทั้งหมด โจทก์เห็นว่า ฎีกาที่ว่า ในส่วนของคดีอาญาซึ่งจำเลยที่ 1 มิได้ถูกฟ้อง แต่ศาลพิพากษาว่าเป็นความประมาทของจำเลยที่ 1 ด้วย จะใช้ฟังในคดีส่วนแพ่งได้หรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ด้วย หมายเหตุ จำเลยทั้งสองยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ร่วมกันใช้ค่าเสียหายจำนวน 145,002.50 บาท พร้อมดอกเบี้ย ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ของต้นเงิน 98,800 บาท นับแต่ วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 192) โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 194)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในคดีส่วนอาญา ศาลพิพากษาว่า นายแสงคล้าย คนขับรถของโจทก์ประมาทเลินเล่อแต่ฝ่ายเดียวโดยจำเลยที่ 1 มิได้ถูกฟ้องในคดีส่วนอาญาด้วย การที่ศาล ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 มีส่วนประมาทด้วยนั้น เป็นเหตุผลที่ศาลยกขึ้นอ้างเพื่อใช้ดุลพินิจในการลงโทษ นายแสงคล้าย ดังนั้นข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 1 ในคดีส่วนแพ่ง คดีนี้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า นายแสงคล้ายคนขับรถของโจทก์เป็นฝ่ายประมาทจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ที่โจทก์ฎีกาว่าศาลต้องฟังว่าจำเลยที่ 1 มีส่วนประมาทด้วยตามคดีอาญาที่กล่าวข้างต้น จึงเป็นฎีกา ข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง