คำสั่งคำร้องที่ 1114/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ฎีกาของ จำเลยเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับ จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ว่า “จำเลยมีความผิดฐาน ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายหรือพยายามฆ่าผู้เสียหาย” เป็นฎีกา ในปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 105) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80,297 ลงโทษฐาน พยายามฆ่าซึ่งเป็นบทหนักที่สุดจำคุก 10 ปี จำเลยให้การรับว่า ได้ทำร้ายผู้เสียหายจริงและชดใช้ค่าเสียหายจนเป็นที่พอใจ ของผู้เสียหายแล้ว ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 102) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 103)

คำสั่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังว่า จำเลยใช้ขวานตีศีรษะ ผู้เสียหาย มีบาดแผลลึกถึงกะโหลกศีรษะแตกและยุบ แสดงว่า ผู้เสียหาย ถูกตีอย่างรุนแรง ขวานดังกล่าวเป็นอาวุธที่สามารถทำอันตราย ถึงชีวิตได้ แม้จำเลยจะใช้ขวานตีผู้เสียหายเพียงครั้งเดียว แต่ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บร้ายแรงถึงขนาดแพทย์ต้องรักษา ด้วยการฝ่าตัดเช่นนี้ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าผู้เสียหาย อาจถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดย เจตนาฆ่า การที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยใช้ขวานตีผู้เสียหายไม่แรง จำเลยเพียงมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น เป็นการโต้เถียง ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงเป็น ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้วให้ยกคำร้อง

Share