แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ลับหลังจำเลยและถือว่าจำเลยทราบคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แล้วแต่วันที่ 31 มกราคม 2538 วันสุดท้าย ที่จำเลยจะยื่นฎีกาได้คือ 28 กุมภาพันธ์ 2538 การที่จำเลย ยื่นฎีกาวันนี้พ้นกำหนดระยะเวลาฎีกาแล้ว จึงไม่รับฎีกาจำเลย จำเลยเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2538 แต่จำเลยไม่ได้มาฟังคำพิพากษาจึงไม่อาจทราบวันนัด และไม่ทราบว่า ครบกำหนดยื่นฎีกาในวันใด และการยื่นฎีกาภายใน 1 เดือนนั้น ต้องนับจำนวน 30 วัน เป็นหนึ่งเดือน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 2 มีนาคม 2538 เนื่องจากเดือนกุมภาพันธ์มีเพียง 28 วัน โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 172) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4 ให้จำคุก 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 158) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 159) ศาลฎีกาทำคำสั่งเสร็จแล้วส่งไปศาลชั้นต้นเพื่ออ่านปรากฏว่าจำเลยถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ส่งสำนวนพร้อมซองคำสั่งคืนศาลฎีกาเพื่อพิจารณาต่อไป(อันดับ 258)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า เมื่อจำเลยถึงแก่ความตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 39(1) จึงไม่เป็นประโยชน์ที่จะพิจารณา สั่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฎีกานี้อีก ให้ยกคำร้องและ ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ