คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7329/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีผู้ให้เช่านาขายนาไปโดยมิได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 53 วรรคหนึ่งกล่าวคือ มิได้แจ้งให้ผู้เช่านาทราบ โดยทำเป็นหนังสือแสดงความจำนงจะขายนาพร้อมทั้งระบุราคาที่จะขายและวิธีการชำระเงินยื่นต่อประธาน คชก. ตำบลเพื่อแจ้งให้ผู้เช่านาทราบภายในสิบห้าวัน ไม่ว่านานั้นจะถูกโอนต่อไปยังผู้ใด ผู้เช่านามีสิทธิซื้อนาจากผู้รับโอน แต่ผู้เช่านาจะต้องใช้สิทธิซื้อนาดังกล่าวภายในกำหนดสองปีนับแต่วันที่ผู้เช่านารู้หรือควรจะรู้หรือภายในกำหนดสามปีนับแต่ผู้ให้เช่านาโอนนานั้นและผู้เช่านาจะต้องใช้สิทธิซื้อนาภายในกำหนดดังกล่าว นับแต่ผู้ให้เช่านาโอนนาเป็นครั้งแรก เพราะผู้เช่านามีสิทธิใช้สิทธิซื้อนาจากผู้รับโอนตามบทบัญญัติดังกล่าวทันทีมิใช่มีสิทธิใช้สิทธิซื้อนาทุกครั้งที่มีการโอนนาให้แก่ผู้รับโอนรายต่อ ๆ มา มิฉะนั้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวก็จะไม่มีโอกาสได้ใช้ เนื่องจากต้องนับระยะเวลาใหม่ตลอดเวลาที่มีการโอนต่อ ๆ ไป
ช. ได้ขายนาแปลงพิพาทนี้ให้ อ. ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2527 โดยจำเลยที่ 1ผู้เช่านาจาก ช. มิได้ใช้สิทธิซื้อที่นาดังกล่าวจาก อ. ภายในกำหนดเวลา 3 ปี นับแต่ช. โอนที่นาแปลงนี้ให้ อ. การที่จำเลยที่ 1 มายื่นคำร้องต่อ คชก. แขวงลำต้อยติ่งอ้างว่า อ. ขายนาแปลงดังกล่าวให้แก่โจทก์ และ จ. ต่อมาโดยมิได้ปฏิบัติตามมาตรา 53 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ขอให้โจทก์ผู้รับโอนขายนาให้แก่จำเลยที่ 1 ผู้เช่านาเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2535 ซึ่งล่วงเลยเวลาที่ ช. ขายนาแปลงนี้ให้แก่ อ. ประมาณ 7 ปี จำเลยที่ 1 จึงหมดสิทธิซื้อที่นาดังกล่าวตามมาตรา 54 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของ คชก. แขวงลำต้อยติ่ง และ คชก.กรุงเทพมหานคร ที่มีมติให้โจทก์โอนขายนาให้แก่จำเลยที่ 1

จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่านาและมีสิทธิซื้อที่นาจากโจทก์ตามคำวินิจฉัยของ คชก. แขวงลำต้อยติ่ง และ คชก. กรุงเทพมหานคร และจำเลยที่ 1 ได้ใช้สิทธิขอซื้อที่นาภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 7 และที่ 10 ถึงที่ 12 ให้การว่า มติของ คชก. แขวงลำต้อยติ่งและ คชก. กรุงเทพมหานคร ทำตามขั้นตอนและชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากจำเลยที่ 1เป็นผู้เช่านาและเมื่อผู้ให้เช่านาได้โอนขายที่นาโดยมิได้ปฏิบัติตามมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิร้องขอต่อคชก. แขวงลำต้อยติ่ง เพื่อขอซื้อนาดังกล่าวได้ ตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ที่ 5 ที่ 6 และที่ 8 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 9 โจทก์ทิ้งฟ้อง ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดี

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนมติของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำแขวงลำต้อยติ่ง เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ในการประชุมครั้งที่ 4/2535วันที่ 20 พฤศจิกายน 2535 และมติของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำกรุงเทพมหานคร ในการประชุมครั้งที่ 5/2536 วันที่ 23 กันยายน 2536 ที่ให้จำเลยที่ 1 มีสิทธิซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 486 จากโจทก์

จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 7 และที่ 10 ถึงที่ 12 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 7 และที่ 10 ถึงที่ 12 ฎีกา

ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 486 เดิมเป็นที่นาของนางสาวชวนชื่น สายพุ่ม และนางบุญช่วย สายพุ่ม ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน นางสาวชวนชื่นและนางบุญช่วยให้นายช้อย เนียมสกุล สามีของจำเลยที่ 1 เช่าทำนา ต่อมานางสาวชวนชื่นและนางบุญช่วยถึงแก่กรรม นายชิต สายพุ่ม ผู้จัดการมรดกของนางสาวชวนชื่นและนางบุญช่วยได้ขายที่นาแปลงดังกล่าวให้แก่นายอภิชัยรังษีวงศ์ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2527 นายอภิชัยได้แบ่งขายที่นาแปลงดังกล่าวให้แก่นายจรูญ กิติทวีเกียรติ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2532 ครึ่งหนึ่ง นายจรูญขายที่นาส่วนนี้ให้แก่โจทก์ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2532 และนายอภิชัยขายที่นาส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งให้แก่โจทก์ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2534 โจทก์จึงเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่นาแปลงนี้ทั้งแปลงเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2535 จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องต่อ คชก. แขวงลำต้อยติ่ง อ้างว่านายอภิชัยขายที่นาแปลงดังกล่าวให้แก่โจทก์และนายจรูญ โดยมิได้ปฏิบัติตามมาตรา 53แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ขอให้โจทก์ผู้รับโอนขายนาให้แก่จำเลยที่ 1 ผู้เช่านาตามเอกสารหมาย จ.8 คชก. แขวงลำต้อยติ่ง ประชุมครั้งที่ 4/2535 เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2535 มีมติให้จำเลยที่ 1 มีสิทธิซื้อที่นาแปลงนี้จากโจทก์ผู้รับโอน โจทก์อุทธรณ์ต่อ คชก. กรุงเทพมหานคร คชก. กรุงเทพมหานคร ประชุมครั้งที่ 5/2536 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2536 โดยมีจำเลยที่ 2 ถึงที่ 12 เป็นกรรมการผู้เข้าร่วมประชุมมีมติยืนตามมติของ คชก. แขวงลำต้อยติ่ง ตามเอกสารหมาย จ.24

มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 7 และที่ 10 ถึงที่ 12 ว่า มติของ คชก. แขวงลำต้อยติ่ง และมติของ คชก. กรุงเทพมหานคร ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เห็นว่า เกี่ยวกับผู้เช่านาขอซื้อนาจากผู้รับโอนนั้น มาตรา 53 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 บัญญัติว่า “ผู้ให้เช่านาจะขายนาได้ต่อเมื่อได้แจ้งให้ผู้เช่านาทราบโดยทำเป็นหนังสือแสดงความจำนงจะขายนาพร้อมทั้งระบุราคาที่จะขายและวิธีการชำระเงินยื่นต่อประธาน คชก. ตำบล เพื่อแจ้งให้ผู้เช่านาทราบภายในสิบห้าวัน…” และมาตรา 54 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติว่า “ถ้าผู้ให้เช่านาขายนาไปโดยมิได้ปฏิบัติตามมาตรา 53 ไม่ว่านานั้นจะถูกโอนต่อไปยังผู้ใด ผู้เช่านามีสิทธิซื้อนาจากผู้รับโอนนั้น ตามราคาและวิธีการชำระเงินที่ผู้รับโอนซื้อไว้หรือตามราคาตลาดในขณะนั้น แล้วแต่ราคาใดจะสูงกว่ากัน แต่ทั้งนี้ผู้เช่านาจะต้องใช้สิทธิซื้อนาดังกล่าวภายในกำหนดเวลาสองปีนับแต่วันที่ผู้เช่านารู้หรือควรจะรู้ หรือภายในกำหนดเวลาสามปีนับแต่ผู้ให้เช่านาโอนนานั้น” ตามบทบัญญัติดังกล่าวเห็นได้ว่า กรณีผู้ให้เช่านาขายนาไปโดยมิได้ปฏิบัติตามมาตรา 53 วรรคหนึ่ง กล่าวคือมิได้แจ้งให้ผู้เช่านาทราบ โดยทำเป็นหนังสือแสดงความจำนงจะขายนาพร้อมทั้งระบุราคาที่จะขายและวิธีการชำระเงินยื่นต่อประธาน คชก. ตำบลเพื่อแจ้งให้ผู้เช่านาทราบภายในสิบห้าวัน ไม่ว่านานั้นจะถูกโอนต่อไปยังผู้ใด ผู้เช่านามีสิทธิซื้อนาจากผู้รับโอนแต่ผู้เช่านาจะต้องใช้สิทธิซื้อนาดังกล่าวภายในกำหนดสองปีนับแต่วันที่ผู้เช่านารู้หรือควรจะรู้หรือภายในกำหนดสามปีนับแต่ผู้ให้เช่านาโอนนานั้น มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าผู้เช่านาจะต้องใช้สิทธิซื้อภายในกำหนดดังกล่าว นับแต่ผู้ให้เช่านาโอนนาเป็นครั้งแรกหรือนับแต่การโอนในแต่ละครั้ง เห็นว่า จะต้องนับแต่การโอนครั้งแรก เพราะผู้เช่านามีสิทธิใช้สิทธิซื้อนาจากผู้รับโอนตามบทบัญญัติดังกล่าวทันที หาใช่มีสิทธิใช้สิทธิซื้อนาทุกครั้งที่มีการโอนนาให้แก่ผู้รับโอนรายต่อ ๆ มาไม่เพราะมิฉะนั้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวก็จะไม่มีโอกาสได้ใช้ เนื่องจากต้องนับระยะเวลาใหม่ตลอดเวลาที่มีการโอนต่อ ๆ ไป

สำหรับคดีนี้ได้ความว่า นายชิตได้ขายนาแปลงนี้ให้นายอภิชัย ตั้งแต่วันที่ 23เมษายน 2527 โดยจำเลยที่ 1 มิได้ใช้สิทธิซื้อที่นาดังกล่าวจากนายอภิชัยภายในกำหนดเวลา 3 ปี นับแต่นายชิตโอนที่นาแปลงนี้ให้นายอภิชัย จำเลยที่ 1 มายื่นคำร้องต่อ คชก.แขวงลำต้อยติ่ง อ้างว่า นายอภิชัยขายนาแปลงดังกล่าวให้แก่โจทก์และนายจรูญโดยมิได้ปฏิบัติตามมาตรา 53 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 ขอให้โจทก์ผู้รับโอนขายนาให้แก่จำเลยที่ 1 ผู้เช่านาเมื่อวันที่ 30 มกราคม2535 ซึ่งล่วงเลยเวลาที่นายชิตขายนาแปลงนี้ให้แก่นายอภิชัยประมาณ 7 ปี จำเลยที่ 1จึงหมดสิทธิซื้อที่นาดังกล่าวตามมาตรา 54 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มติของ คชก. แขวงลำต้อยติ่ง และมติของ คชก.กรุงเทพมหานคร ที่ให้จำเลยที่ 1 มีสิทธิซื้อที่นาดังกล่าวจากโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

พิพากษายืน

Share