แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้มีสิทธิได้รับมรดกเข้ามาอยู่ในที่มรดกเมื่อเกิน 1 ปีนับแต่เจ้ามรดกตายผู้รับมรดกคนที่ปกครองที่มรดก ย่อมฟ้องขับไล่ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกแย่งกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์ 3 แปลงขอให้ห้ามมิให้เกี่ยวข้องต่อไป ทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์เป็นเจ้าของเพียง 2 กะบิ้งเท่านั้น ศาลย่อมพิพากษาห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้องกับที่ดิน 2 กะบิ้งอันเป็นของโจทก์นั้นได้
ย่อยาว
ปัญหาที่ขึ้นมาสู่ศาลฎีกา มีเฉพาะที่เกี่ยวกับทรัพย์อันดับที่ 1, 6, 7 ตามบัญชีท้ายฟ้อง ซึ่งโจทก์ฟ้องว่า เดิมเป็นของนายแดงสามีนางฝ่ายและบิดาโจทก์อีก 5 คน นายแดงได้ยกให้โจทก์ก่อนตายเมื่อนายแดงตายแล้ว จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นบุตรนายแดงเกิดจากภริยาอื่นได้บุกรุกแย่งกรรมสิทธิ์จึงขอให้ศาลสั่งห้ามจำเลยและบริวารมิให้เกี่ยวข้อง
จำเลยต่อสู้ว่า เป็นทรัพย์ของจำเลยซึ่งตายายจำเลยยกให้ และตัดฟ้องว่าฟ้องเกิน 1 ปี ขาดอายุความมรดกแล้ว
ศาลชั้นต้นฟังว่าทรัพย์ ที่ฟ้องเป็นมรดกของนายแดง จึงให้แบ่งกันระหว่างโจทก์จำเลย
ศาลอุทธรณ์ ฟังว่าเป็นทรัพย์ ของโจทก์ จึงพิพากษาแก้ห้ามมิให้จำเลยและบริวารเข้ามาเกี่ยวข้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกา ฟังข้อเท็จจริงว่า ทรัพย์พิพาทเป็นของนายแดงอยู่จนนายแดงตาย จึงเป็นมรดกตกทอดแก่โจทก์ จำเลย แต่ปรากฏว่าจำเลยได้ครอบครองที่ดินพิพาทเว้นแต่ที่นา ตำบลชายเขาหมายเลข 1 เฉพาะกะบิ้งที่ 1, 2 เท่านั้นที่โจทก์ได้ทำเกิน1 ปี แล้ว โจทก์จำเลยจึงควรได้สิทธิเท่าที่ตนครอบครองมา จึงพิพากษาแก้ว่า ที่นาตำบลชายเขาหมายเลข 1 กะบิ้ง 1, 2 เป็นของโจทก์ ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องกับให้นายชื่น จำเลย คืนข้าว 65 เลียงหรือให้ใช้ราคาเป็นเงิน 32 บาท 50 สตางค์ ให้แก่โจทก์