แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายกับจำเลยเป็นสามีภรรยากันโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายผู้ตายได้มอบสังหาริมทรัพย์ของผู้ตายซึ่งจำเลยยึดถืออยู่แล้ว ให้แก่จำเลยก่อนตายทรัพย์ต่างๆ จึงตกเป็นของจำเลยตามเจตนาของผู้ตาย โจทก์จะฟ้องเรียกเอาว่าเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายอีกไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายไจเฮงบุตรนางกี โจทก์ได้ทำพิธีแต่งงานเป็นสามีภรรยากับจำเลย แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส บัดนี้นายไจ่เฮงตายโจทก์จึงฟ้องเรียกทรัพย์มรดกส่วนของนายไจ่เฮงจากจำเลย โจทก์ฟ้องนายเอี้ยมจั้วเป็นจำเลยในฐานเป็นผู้รับฝากทรัพย์ไว้จากนางทิมจำเลยนางทิมจำเลยต่อสู้ว่า ก่อนนายไจ่เฮงตายได้พูดกับจำเลยขอแบ่งเงินจากจำเลย 4,500 บาทให้นางกีโจทก์ ส่วนเงินและสิ่งของที่เหลือมอบให้แก่จำเลยผู้เดียว กับให้การว่าเมื่อจำเลยกับนายไจ่เฮงไม่ได้จดทะเบียนสมรส จะถือว่าเป็นทรัพย์สินสมรสไม่ได้ และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนายเอี้ยมจั้วจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้รับฝากทรัพย์ศาลชั้นต้นพิพากษาให้นางทิมจำเลยแบ่งทรัพย์บางอย่างให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ยกฟ้องนายเอี้ยมจั้วจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายไจ่เฮงได้ขอให้จำเลยจ่ายเงินให้นางกี 2 คราว ทั้งนี้โดยนายไจ่เฮงว่าของที่เหลืออยู่มอบให้แก่จำเลย จำเลยได้จ่ายเงินให้นางกีเป็นเงิน 4,500 บาทเสร็จก่อนนายไจ่เฮงตาย ฉะนั้นทรัพย์ต่าง ๆ ซึ่งฝ่ายจำเลยเป็นผู้ยึดถืออยู่แล้ว จึงตกเป็นของจำเลยตามความเจตนาของนายไจ่เฮง โจทก์จะมาฟ้องเรียกเอาว่าเป็นทรัพย์ของนายไจ่เฮงอีกไม่ได้
พิพากษายืน