คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจลงลายมือชื่อนางพัน ปลอมลงในหนังสือสัญญาขายข้าวเปลือกให้แก่นายเชย โดยอ้างว่าข้าวนั้นเป็นของจำเลยและนางพันเป็นเจ้าของอยู่ด้วยกัน จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่นายเชย โดยได้จ่ายเงินไปตามสัญญา แต่ไม่ได้ข้าว ขอให้ลงโทษฐานปลอมหนังสือดังนี้ ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ แม้โจทก์จะมิได้กล่าวถึงนางพันว่าเป็นผู้เสียหายด้วย แต่โจทก์กล่าวว่าเกิดความเสียหายแก่นายเชยเพราะนายเชยจ่ายเงินไปตามสัญญาแต่ไม่ได้ข้าว และนายเชยเป็นผู้ได้รับความเสียหายจากหนังสือปลอมฉบับนี้ นายเชยจึงเป็นผู้เสียหาย
ความผิดฐานปลอมหนังสือ แม้หนังสือนั้นจะเป็นการปลอมลายมือชื่อบุคคลอื่น หรือปลอมชื่อบุคคลไม่มีตัวตนก็ดี ก็นับว่าเป็นความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยทำสัญญาขายข้าวเปลือกให้กับนายเชย โดยอ้างว่าจำเลยกับนางพันเป็นเจ้าของร่วมกัน แล้วจำเลยบังอาจลงลายมือชื่อนางพัน ซึ่งเป็นลายมือปลอมในสัญญาซื้อขายนั้น อันเป็นหนังสือสำคัญ จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่นายเชยโดยได้จ่ายเงินไปตามสัญญาแต่ไม่ได้ข้าว จึงขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 222, 223, 224 จำเลยให้การว่า ไม่ได้กระทำผิดดังฟ้อง ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์ตามมาตรา 158 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยไม่ได้กล่าวว่า ในฟ้องว่านางพันเป็นผู้เสียหาย และที่ว่านายเชยเป็นผู้เสียหายนั้น ก็เป็นความผิดฐานอื่น ไม่ใช่ความผิดฐานปลอมหนังสือ พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ตามมาตรา 158 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ข้อที่ว่า โจทก์มิได้กล่าวถึงนางพันว่าเป็นผู้เสียหาย กล่าวถึงแต่นายเชยซึ่งนายเชยเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานอื่น ไม่ใช่ปลอมหนังสือนั้น มีปัญหาว่านายเชยจะเป็นผู้เสียหายฐานปลอมหนังสือหรือไม่ เห็นว่า นายเชยเป็นผู้ถูกหลอกลวงโดยหนังสือปลอมฉบับนี้ แม้หนังสือนี้จะเป็นการปลอมลายมือชื่อของนางพัน หรือปลอมชื่อบุคคลอื่น ที่ไม่มีตัวตนก็ดี ก็นับว่าเป็นการปลอมหนังสือ และผู้กระทำการปลอมก็มีความผิดฐานปลอมหนังสือ ซึ่งคดีนี้นายเชยเป็นผู้ถูกหลอกลวงและหลงเชื่อตามหนังสือปลอมนั้น จะจ่ายเงินให้แก่จำเลยไป นายเชยจึงเป็นผู้ได้รับความเสียหายจากหนังสือปลอมนั้น

พิพากษายืน

Share