คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 633/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คู่ความตกลงกันสืบพยานร่วมคนเดียว แล้วให้ศาลพิพากษาไปเมื่อสืบพยานร่วมเสร็จ คู่ความก็ขอให้ศาลนัดตัดสิน ดังนี้ เมื่อคำเบิกความของพยานฟังเป็นแน่นอนไม่ได้ ก็ไม่สมควรที่จะให้มีการพิจารณากันใหม่แต่ต้องกลับไปพิจารณาถึงประเด็นแห่งคดี คือ จำเลยให้การฟ้องแย้งว่าได้มอบทองไว้แก่โจทก์หนัก 4 บาท 2 สลึง โจทก์ให้การว่า ทองที่มอบไว้มีน้ำหนักเพียงบาทเดียว เมื่อจำเลยไม่มีพยานสนับสนุนคำกล่าวอ้าง ก็ต้องฟังตามคำรับ ของโจทก์ว่า มีน้ำหนักเพียงบาทเดียว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้และดอกเบี้ยรวม 350 บาท จำเลยให้การว่าเดิมจำเลยกู้เงินโจทก์ แล้วมอบโฉนดกับเครื่องทองรูปพรรณหนัก 4 บาท 2 สลึงเป็นประกัน ต่อมาได้ทำสัญญาแปลงหนี้ใหม่เป็นสัญญากู้เงินรายนี้ จำเลยได้พยายามทวงคืนโจทก์ขออายัติ จึงฟ้องแย้งเรียกทองของจำเลยคืน หรือใช้ราคา 2,000 บาท โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่าความจริงจำเลยกู้เงินโจทก์ ไปเมื่อ 18-19 ปี จำเลยมอบโฉนดและทองหนัก 1 บาทให้โจทก์ยึดเป็นประกัน เมื่อจำเลยค้างดอกเบี้ย 4-5 ปีแล้ว จำเลยยอมยกทองตีราคาใช้หนี้ กับตัดฟ้องว่า คดีขาดอายุความ โจทก์จำเลยตกลงสืบนายเฮงหรือประสานพยานร่วมปากเดียวนายเฮงเบิกความอย่างไรขอให้ศาลพิพากษาไปตามคำนายเฮงทีเดียวไม่ต้องสืบพยานอื่นอีกต่อไป สืบนายเฮงแล้วศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 350 บาทให้โจทก์ และให้โจทก์คืนทองหนัก 4 บาท 2 สลึงถ้าคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาอัตราบาทละ 500 บาท ให้หักเงิน 350 บาทจากจำนวนนี้ ศาลอุทธรณ์แก้ให้โจทก์คืนทองหนัก 4 บาทหรือราคา 2,000 บาทให้โจทก์ นอกจากนั้นคงยืน มีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นายหนึ่งแย้งว่า เห็นควรให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า นายประสานเบิกความว่า การกู้ครั้งแรกจำเลยมอบโฉนดกับทองรูปพรรณให้โจทก์ยึดไว้ ทองหนักเท่าใดจำไม่ได้ในเวลาทำสัญญากู้ฉบับหลังโจทก์บอกว่าทองรูปพรรณที่ยึดไว้นั้นเอาไปยุบเสียแล้ว โดยอ้างว่าเป็นทองเก๊คือมีทองทับเล็กน้อยนอกนั้นเป็นแกนอื่น ไม่ใช่ทอง แล้วเกิดโต้เถียงจำเลยจะเอาทองผลที่สุดตกลงทำสัญญากู้ฉบับใหม่ต่อกัน โดยฝ่ายโจทก์รับรองจะนำทองมาให้เท่าที่เหลือ หรือตามน้ำหนักทั้งหมด จำไม่ได้ ทองรูปพรรณที่จำเลยให้โจทก์ยึดไว้นั้น ได้ลงน้ำหนักในสัญญาเก่า แต่จำไม่ได้ จำได้แต่ว่าจำเลยไปบอกว่า 4 บาท 2 สลึง

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยมอบทองให้โจทก์เท่าใด พยานจำไม่ได้จึงต้องพิจารณาตามคำฟ้อง และฟ้องแย้งต่อไป จำเลยฟ้องแย้งว่ามอบทองให้โจทก์ 4 บาท 2 สลึง โจทก์ให้การว่ามีน้ำหนักเพียงบาทเดียวเมื่อจำเลยไม่มีพยานสนับสนุน จึงต้องฟังตามคำรับของโจทก์ว่ามีน้ำหนักเพียงบาทเดียว นายประสานว่าทองราคาบาทละ 500 บาทจึงต้องถือตามพยานว่า ส่วนข้อที่ว่าพยานเบิกความฟังไม่ได้จะควรให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่หรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคู่ความตกลงสืบพยานร่วมคนเดียวแล้ว ให้ศาลพิพากษาไปทีเดียวเมื่อสืบพยานเสร็จแล้ว คู่ความขอให้ศาลนัดตัดสิน ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรจะให้มีการพิจารณาใหม่

พิพากษาแก้ ให้โจทก์น้ำหนัก 1 บาท หรือราคา 500 บาท

Share