แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีก่อนศาลฎีกาวินิจฉัยไม่ตัดสิทธิที่จะให้โจทก์ว่ากล่าวเอาส่วนของตน หรือว่ากล่าวกันในทางมรดก โจทก์จึงมาฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกจากจำเลยโดยบรรยายฟ้องท้าวความถึงคดีเดิมด้วย ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นเรื่องสืบเนื่องมาจากคดีก่อน ฉะนั้นแม้คำบรรยายฟ้องจะขาดตกบกพร่องในรายละเอียดไปบ้าง เช่นไม่ได้กล่าวถึง วันเดือนปีที่เจ้ามรดกตาย ตนได้ปกครองทรัพย์มาอย่างไร เหล่านี้ แต่เมื่อปรากฏว่าข้อความเหล่านี้มีชัดอยู่แล้วในสำนวนก่อนและในการพิจารณาคดีนี้จำเลยก็รับรองเวลาตายของเจ้ามรดกแล้วก็ย่อมถือได้ว่าฟ้องของโจทก์ในคดีนี้สมบูรณ์แล้ว ไม่เป็นการเคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ฟ้องเรียกที่ดิน 2 แปลง และโค 2 ตัวจากจำเลยครั้งหนึ่งแล้ว ปรากฏตามคดีแพ่งแดงที่ 203/2490 คดีถึงที่สุดชั้นศาลฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ทรัพย์ที่กล่าวเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์และนางนิ่มภรรยาจำเลย ศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไปว่า ไม่ตัดสิทธิที่จะให้โจทก์ว่ากล่าวเรียกเอาส่วนของตนหรือว่ากล่าวกันในทางมรดก จึงขอให้ศาลบังคับเอาที่ดิน 2 แปลงโค2 ตัวมาประมูลกันหรือขายทอดตลาด แบ่งเงินให้โจทก์
จำเลยต่อสู้ และตัดฟ้องว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม และขาดอายุความมรดกแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งทรัพย์ให้โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะแบ่งส่วน
จำเลยฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะฎีกาข้อ 2, 3
ฎีกาข้อ 2 ที่ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้เป็นเรื่องสืบเนื่องมาจากคดีแพ่งแดงที่ 203/2490 ซึ่งปรากฏชัดว่านางนิ่มตายเมื่อใด ทั้งในการพิจารณาคดีนี้ จำเลยก็รับรองเวลาตายของนางนิ่มแล้ว จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ฎีกาข้อ 3 ตามข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์จำเลยได้ปกครองมรดกนางนิ่มร่วมกันมา คดีจึงไม่ขาดอายุความ
จึงพิพากษายืน