คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้มีชื่อในโฉนดที่ดินมอบที่นาและโฉนดให้ผู้อื่นครอบครองแล้วตนเองอพยพไปอยู่ที่อื่นประมาณ 15 ปีก็ตายผู้รับมอบและผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับมรดกต่อมาได้ครอบครองโดยแสดงต่อคนทั้งหลายว่าตนเป็นเจ้าของต่อมาจนบัดนี้ประมาณ30 ปี โดยฝ่ายทายาทของผู้มีชื่อในโฉนดเดิมไม่เคยแสดงอาการเป็นเจ้าของเลย ดังนี้ถือว่า ผู้ร้องซึ่งได้ครอบครองเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปีได้กรรมสิทธิ์
ในเบื้องต้นต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าของกรรมสิทธิ์ผู้มีชื่อได้จดทะเบียนไว้ในโฉนดเป็นผู้ครอบครอง

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อ 30 ปีมาแล้ว ม.ป. ได้ขายกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงหนึ่งให้แก่นายสักนางแมงบิดามารดาของภริยาผู้ร้องโดยมอบที่นาและโฉนดให้ทำตลอดมา ยังไม่ได้จดทะเบียนการโอน เมื่อ 15 ปีมานี้ ม.ป. ตาย ผู้ร้องและภริยาเป็นผู้รับมรดกปกครองต่อมาขอแสดงกรรมสิทธิ์ ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่าเป็นบุตร ม.ป. แต่ ม.ป. ไม่ได้ขายให้ เมื่อ 10 ปีมานี้ ม.ป. บิดาผู้คัดค้านได้ยืมเงินนางแมงมารดาผู้ร้องมา 120 บาท แล้วมอบโฉนดที่ดินรายนี้ให้ทำกินต่างดอกเบี้ย

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ม. เจ้าของกรรมสิทธิ์ตามโฉนดเจตนาละทิ้งไปเกิน 10 ปี โดยอพยพไปอยู่ที่อื่นขาดกรรมสิทธิ์ ผู้ร้องได้ครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปีได้กรรมสิทธิ์ พิพากษาว่านาตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า บุคคลมีชื่อในทะเบียนสันนิษฐานว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองผู้ร้องนำสืบลบล้างไม่ได้ พิพากษากลับ ยกคำร้องของผู้ร้อง

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ในเบื้องต้นจะสันนิษฐานไว้ก่อนว่า เจ้าของกรรมสิทธิ์ผู้มีชื่อจดทะเบียนไว้ในโฉนดเป็นผู้ครอบครองพ้องตามศาลอุทธรณ์แต่เห็นว่าตามคำพยานทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีปรากฏให้เห็นเงื่อนงำอย่างไรเลยว่า นายลักนายแมงหรือผู้ร้องกับภริยาได้ครอบครองที่นานั้นโดยอาศัยอำนาจและยังคงรับนับถือความเป็นเจ้าของของ ม.ป. ตรงข้ามกลับได้ความว่านายลัก นางแมงได้แสดงออกโดยเปิดเผยต่อคนทั้งหลายว่าที่นานั้นเป็นของตนแล้ว แสดงว่าได้ครอบครองมาด้วยเจตนาเป็นเจ้าของอันเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของเดิม ส่วน ม.ป. เมื่อมอบนาแล้วก็อพยพไปอยู่ที่อื่นและไม่เคยแสดงอาการเป็นเจ้าของนาพิพาทเลยถ้ามอบให้ทำต่างดอกเบี้ยจริงน่าจะมีการติดต่อบ้าง ผู้ค้านก็ไม่เคยติดใจทำการรับมรดกทั้งผู้ค้าน ก็มิใช่ผู้มีชื่อในโฉนด

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share