คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1127/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากเรือนพิพาทโดยอ้างว่าเป็นของบิดา บิดาตาย จึงเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่า โรงเรือนพิพาทไม่ใช่ของบิดาโจทก์เป็นโรงเรือนที่จำเลยร่วมกับผู้มีชื่อออกเงินทุนสร้างขึ้นเป็นสถานกุศลกิจดังนี้ เป็นคดีพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์ในโรงเรือนพิพาทนั้น เมื่อโรงเรือนพิพาทมีราคาถึง 6000 บาท คดีก็เกินอำนาจผู้พิพากษานายเดียวจะพิจารณาพิพากษาได้
โจทก์ฟ้องคดีเกินอำนาจศาลแขวงต่อศาลแขวง แม้จำเลยจะไม่ได้ยกอำนาจศาลขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลแขวงนั้น ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับอำนาจศาลตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จะไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นว่ากล่าวศาลสูงก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากโรงเรือนพิพาท โดยอ้างว่าบิดาโจทก์ปลูกไว้ บิดาโจทก์ตายจึงตกเป็นหน้าที่ของโจทก์ จำเลยเป็นผู้อาศัย

จำเลยต่อสู้หลายข้อ เฉพาะข้อหนึ่งสู้ว่าโรงเรือนพิพาทมิใช่ทรัพย์ของบิดาโจทก์ เป็นโรงเจที่จำเลยร่วมกันกับผู้มีชื่อบริจาคเงินทุนสร้างขึ้นเป็นสถานการกุศลของผู้ถือศีลกินเจ ซึ่งที่ประชุมกรรมการผู้ออกเงินแต่งตั้งให้จำเลยเป็นผู้ช่วยเหลือบิดาโจทก์ดูแลสถานที่นี้ โจทก์หามีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยไม่

และเมื่อศาลแขวงพระนครใต้สืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว จำเลยแถลงขอให้ศาลวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีแพ่งสามัญซึ่งโต้เถียงกรรมสิทธิ์โรงเรือนพิพาทกันมีราคา 2,000 บาท เกินอำนาจผู้พิพากษานายเดียวจะพิจารณาพิพากษาได้ แต่ศาลแขวงพระนครใต้เห็นว่า จำเลยไม่ได้โต้เถียงกรรมสิทธิ์ จึงพิพากษาให้ขับไล่จำเลย

ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลแขวงเรียกคู่ความมาตีราคาโรงเรือนพิพาทโจทก์ตีราคา 6,000 บาท จำเลยตีราคา 3,000 บาท แล้วศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เป็นคดีต่อสู้กรรมสิทธิ์ทรัพย์ เกินอำนาจศาลแขวงจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลแขวงเสีย แต่ไม่ตัดสิทธิคู่ความที่จะดำเนินคดีในศาลที่มีอำนาจ

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยให้การชัดว่า โรงเรือนพิพาทไม่ใช่ของบิดาโจทก์ เป็นโรงเรือนที่จำเลยร่วมกับผู้มีชื่อออกเงินทุนจัดสร้างขึ้นเป็นสถานสาธารณกุศลของผู้ถือศีลกินเจ ดังนี้ฟังได้ว่าเป็นการพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์ คือมีประเด็นว่าโรงเรือนพิพาทเป็นของบิดาโจทก์ หรือเป็นของซึ่งจำเลยได้ออกเงินร่วมกับผู้อื่นปลูกสร้างขึ้น ซึ่งจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมด้วย คดีจึงเกินอำนาจของผู้พิพากษานายเดียวจะพิจารณาพิพากษาได้ เพราะโรงเรือนพิพาทมีราคาอย่างต่ำ 6,000 บาท ส่วนที่โจทก์ว่า จำเลยไม่ยกเรื่องเกี่ยวกับอำนาจศาลขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลแขวงนั้น เห็นว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอำนาจศาลตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อไม่ฝ่ายใดยกขึ้นว่ากล่าวศาลก็พิพากษาได้

จึงพิพากษายืน

Share