แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้เช่าเคหะย้ายไปต่างจังหวัดไม่มีกำหนดกลับจนครบกำหนดเวลาตามสัญญาเช่าแล้ว ถือว่า สัญญาเช่าสิ้นสุดลง บุคคลภายนอกซึ่งเข้ามาอยู่โดยมิได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า จะอาศัยอำนาจและคำสั่งของผู้ดูแลบ้านแทนผู้เช่าซึ่งสัญญาเช่าสิ้นสุดแล้วนั้น มาต่อสู้อำนาจของผู้ให้เช่า ซึ่งเป็นเจ้าของเคหะมิได้
ย่อยาว
ได้ความว่า โจทก์ให้ ย.ข้าราชการเช่าเรือนมีกำหนด 2 ปีนับแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2489 ต่อมาเดือนธันวาคม 2490 ย.ถูกทางราชการส่งไปช่วยปราบโรคระบาดสัตว์ที่จังหวัดอื่น ไม่มีกำหนดกลับ ย.มอบให้ ส.ดูแลรักษาบ้านแทน ส.ให้จำเลยเข้าไปอยู่แทนโจทก์เก็บค่าเช่าเรือนหลังนี้มาจนถึงเดือนกรกฎาคม 2491 จึงงดเก็บครั้นครบกำหนดสัญญาเช่า โจทก์ไปดูบ้านเห็นจำเลยอยู่ได้บอกให้ออกไปก็ไม่ยอมออก จึงมาฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหาย จำเลยต่อสู้ว่าอยู่เฝ้าบ้าน ย.มิใช่บริวารของ ย.หรือผู้เช่า
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ยังไม่ได้เลิกหรือฟ้องคดีเลิกสัญญากับ ย. จำเลยเฝ้าบ้านแทน ย.ผู้เช่า มิได้ละเมิด พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยไม่มีสิทธิจะอยู่ในบ้านโจทก์พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารและให้ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 25 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อต่อสู้ของจำเลยไม่มีเหตุจะอ้างอิงได้ตามกฎหมาย จำเลยมิได้มีสัญญาต่อโจทก์ สัญญาที่ ย.ทำไว้ต่อโจทก์ก็ครบกำหนดแล้ว และย.ก็มิได้อยู่ที่เรือนรายนี้ ถูกย้ายไปต่างจังหวัดไม่มีกำหนดกลับ จำเลยเข้ามาอยู่โดยไม่ได้รับความยินยอมของโจทก์ จำเลยจะอาศัยอำนาจและคำสั่งของ ส.ผู้ได้รับคำสั่งจาก ย.มาเป็นข้อแก้ตัวและต่อสู้อำนาจของโจทก์ผู้มีสิทธิบริบูรณ์อยู่ในเวลานี้หาได้ไม่
พิพากษายืน