แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยไม่ยอมให้ใครเข้าไปซ่อมเหมืองสาธารณะ ซึ่งคันเหมืองถูกทำลายเป็นเหตุให้น้ำไม่ไหลไปตามลำเหมืองไปสู่นาของราษฎรตามปกตินั้น กรมการอำเภอย่อมมีอำนาจตามพระราชบัญญัติปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 122 ที่จะสั่งให้จำเลยเลิกถอนการบุกรุกเหมืองนี้ได้เมื่อสั่งแล้วจำเลยบังอาจขัดขืนโดยยึดถือเอาเหมืองนั้นเป็นที่ของตนเสีย ไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าไปซ่อม หรือทำเหมืองให้น้ำไหลไปตามปกติแล้ว จำเลยก็ย่อมมีความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 334(2)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานที่สั่งให้จำเลยเลิกถอนการบุกรุกเหมืองสาธารณะ ฯลฯ ขอให้ลงโทษ
จำเลยปฏิเสธ และต่อสู้ว่า ไม่มีเหมืองสาธารณะแต่อย่างใด
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 334(2)ปรับ 30 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เหมืองรายนี้เป็นเหมืองสาธารณะ เมื่อคันเหมืองถูกทำลายเป็นเหตุให้น้ำไม่ไหลตามลำเหมืองไปสู่นาราษฎรตามปกติ และจำเลยไม่ยอมให้ใครซ่อม ดังนี้ นายแก้วปลัดอำเภอในฐานะกรมการอำเภอจึงมีอำนาจตามพระราชบัญญัติปกครองท้องที่พ.ศ. 2457 มาตรา 122 สั่งให้จำเลยเลิกถอนการบุกรุกเหมืองนี้ได้การที่จำเลยทราบคำสั่งแล้ว บังอาจขัดขืน โดยยึดถือเอาเหมืองเป็นที่ของตนเสีย ไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าไปซ่อมหรือทำเหมืองให้น้ำไหลไปตามปกติ ดังนี้ ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานขัดคำสั่งแล้วจึงพิพากษากลับบังคับให้ลงโทษจำเลยไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น