คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ยกที่ดินส่วนหนึ่งให้ตอบแทนการที่ผู้รับให้ช่วยออกเงินบางส่วนชำระหนี้ไถ่จำนองที่ดินทั้งแปลงนั้นจากผู้รับจำนอง ดังนี้ถือว่ามิได้มีการยกที่ดินให้โดยเสน่หา อันจะถอนคืนเพราะเหตุเนรคุณได้

ย่อยาว

โจทก์กับนายเปรื่องจำนองที่ดินโฉนดที่ 5258 ไว้ 3,500 บาทจำเลยออกเงิน 2,000 บาท สมทบให้โจทก์ไถ่ที่ดินนั้นจากผู้รับจำนองโจทก์ไถ่แล้วขอแบ่งแยกออกอีก 2 โฉนด และโอนโฉนดที่ 6112 ที่แบ่งแยกมายกให้จำเลย ต่อมานายราตรีมาเอาโฉนดที่ 6112 ไปมอบให้โจทก์ยึดไว้ บัดนี้โจทก์มาฟ้องขอเพิกถอนการให้เพราะเหตุเนรคุณ จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเพิกถอนการให้ และฟ้องแย้งเรียกโฉนดที่ 6112 ซึ่งโจทก์ยึดไว้โดยไม่มีอำนาจ ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้อง และให้โจทก์คืนโฉนดที่ 6112 แก่จำเลย ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นการให้เป็นบำเหน็จสินจ้าง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นการให้สิ่งที่มีค่าภาระติดพัน โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า

ฯลฯ “โจทก์ต้องเป็นลูกหนี้จำนองตลอดมา ตั้งแต่แรกได้ที่พิพาท จำเลยได้ออกเงินส่วนมากให้โจทก์ไถ่ถอนจำนอง แล้วโจทก์ก็ขอแบ่งแยกที่ดินทันที ได้โฉนดใหม่ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2494 โจทก์ก็โอนให้จำเลยในวันที่ 19 เดือนเดียวกัน ตั้งแต่นั้นมาโจทก์รับว่าโจทก์มิได้เกี่ยวข้องกับที่ดินที่โจทก์ยกให้จำเลยอีก ถึงจำเลยจะออกเงินมากแต่ความจริงจำเลยได้ที่ดินมาน้อยกว่าที่โจทก์เหลือไว้ให้นางสำรวยเสียอีก รูปการณ์ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ยกที่ดินพิพาทให้จำเลยเป็นเครื่องตอบแทน ในเหตุที่จำเลยออกเงินให้ที่ดินทั้งหมดปลอดพ้นจากการจำนองอันเป็นประโยชน์ยิ่งใหญ่แก่โจทก์ทำให้โจทก์สามารถเอามาแบ่งให้บุตรได้ตามประสงค์ จึงเป็นอันถือว่าโจทก์มิได้ยกที่พิพาทให้จำเลยโดยเสน่หา”

พิพากษายืน

Share