คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ และขอทำลายนิติกรรมซื้อขายที่ดินพิพาทดังกล่าวระหว่างจำเลยผู้ขายกับบุคคลภายนอกผู้ซื้อเมื่อคดีปรากฏว่า จำเลยได้ทำนิติกรรมจดทะเบียนขายที่รายพิพาท และส่งมอบการครอบครองให้ผู้ซื้อไปแล้วดังนี้ เมื่อมิได้ฟ้องผู้ซื้อเข้ามาเป็นจำเลยด้วยแม้ศาลจะวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ก็จะพิพากษาให้ทำลายหนังสือสัญญาซื้อขายระหว่างจำเลยและผู้ซื้อไม่ได้เพราะผู้ซื้อเป็นบุคคลภายนอกคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยจะขายที่พิพาทให้แก่นายมีโจทก์ไปคัดค้านที่อำเภอ แต่ทางอำเภอก็ได้ทำหนังสือซื้อขายที่พิพาทให้แก่นายมี จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์กับทำลายหนังสือซื้อขายระหว่างจำเลยกับนายมีเสีย

จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยทางมรดก

ศาลชั้นต้น พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ให้ทำลายหนังสือซื้อขายระหว่างจำเลยกับนายมีเสีย ฯลฯ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว เห็นว่า คดีปรากฏว่าจำเลยได้ทำนิติกรรมจดทะเบียนขายนารายพิพาทและส่งมอบการครอบครองให้นายมีไปแล้ว เวลานี้จำเลยมิได้เกี่ยวข้องกับนารายพิพาทนี้ ถ้าโจทก์ประสงค์จะให้ศาลวินิจฉัยว่าที่นาพิพาทเป็นของโจทก์ และขอให้ทำลายนิติกรรมซื้อขายระหว่างจำเลยกับนายมีผู้ซื้อแล้ว ชอบที่โจทก์จะต้องฟ้องเรียกนายมีผู้ซื้อเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วย เพื่อให้โอกาสนายมีผู้ซื้อแก้ข้อกล่าวหาของโจทก์ว่า นายมีควรได้สิทธิในที่นาพิพาทที่นายมีรับซื้อไว้นั้นโดยอาศัยมูลฐานตามกฎหมายประการใดบ้างเมื่อนายมีผู้ซื้อมิได้เข้ามาเป็นจำเลยด้วยเช่นนี้แล้ว แม้ศาลจะวินิจฉัยว่า นาพิพาทเป็นของโจทก์ก็จะพิพากษาให้ทำลายหนังสือสัญญาซื้อขายระหว่างจำเลยกับนายมี ไม่ได้ เพราะนายมีเป็นบุคคลภายนอกคดี ฯลฯ

จึงพิพากษายืน

Share