คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เป็นสามีภริยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ5ทรัพย์ที่ภริยาได้มาระหว่างร้างกันแม้ได้มาเมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว ก็ไม่เป็นสินสมรส

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณ 25 ปีมานี้ โจทก์ขอนางเล็กมาเป็นภริยาโดยเสียสินสอด 200 บาท โจทก์มีที่นา 9 ไร่ 3 งาน เงิน 800 บาทเป็นทุนสินเดิม นางเล็กไม่มีทุนสินเดิม ระหว่างอยู่กินด้วยกันได้ซื้อที่นาโฉนดที่ 3466 ที่ 3461 นางแสงป้านางเล็กตาย นางเล็กรับมรดกที่ดินโฉนดที่ 3452 ที่ 3462 รวมที่นา 4 แปลง ราคา 15,000 บาท

วันที่ 21 พฤษภาคม 2492 นางเล็กตาย วันที่ 30 เดือนเดียวกันจำเลยนำพินัยกรรมของนางเล็ก ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2491 แสดงต่อพนักงานหอทะเบียนที่ดินขอรับมรดกที่ดินตามโฉนดกล่าวมาแล้ว โจทก์ได้คัดค้านที่หอทะเบียน โดยโจทก์ถือว่านางเล็กไม่มีสินเดิม ไม่มีทรัพย์จะทำพินัยกรรมยกให้แก่จำเลย ขอให้ที่ดินทั้ง 4 โฉนดเป็นของโจทก์ให้เพิกถอนพินัยกรรมเสียนางทับนายบัวนายประสิทธิ์จำเลยให้การว่า นางทับจำเลยเป็นภริยานายเปิ่น นายเปิ่นนางทับเป็นบิดามารดานายบัวนายประสิทธิ์จำเลยนายเปิ่นเป็นพี่นางเล็ก ๆ ทำพินัยกรรม ยก ที่นา โฉนดที่ 3452 ให้จำเลย จำเลยควรได้รับที่ดินตามพินัยกรรม

นายบุญจำเลยให้การว่า โจทก์กับนางเล็กไม่ใช่สามีภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย หากจะถือว่าเป็นสามีภริยากัน ก็ได้เลิกร้างหย่าขาดกันไปนานกว่า 10 ปีแล้ว โจทก์ไม่มีสินเดิม ที่นาโฉนดที่ 3466-3461-3452-3462 เป็นของนางเล็ก ไม่ใช่ได้มาระหว่างโจทก์กับนางเล็กเป็นสามีภริยากันดังฟ้อง นางเล็กมีสิทธิทำพินัยกรรมยกทรัพย์ของตนได้ตามกฎหมาย

พระภิกษุเหรียญจำเลยให้การว่า นางเล็กทำพินัยกรรมยกที่นาโฉนดที่ดิน 3462 ให้จำเลย ๆ ขอรับมรดกโอนใส่ชื่อจำเลยในโฉนดแล้ว

นางไข่ นางคลี่ นางเพรียว นางฟัก จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นบุตรนายเปิ่นนางทับ จำเลยควรได้รับทรัพย์ตามที่นางเล็กทำพินัยกรรมยกที่ดินโฉนดที่ 3452 ให้

โจทก์ร้องขอเพิ่มเติมฟ้องว่า ผู้เขียนพินัยกรรมเขียนตามนายบุญจำเลยบอก ไม่ใช่นางเล็กมีเจตนาทำพินัยกรรม นางเล็กไม่มีสติ ตัวนางเล็กไม่รู้ว่าตนได้ลงลายมือในพินัยกรรม พยานไม่ได้ลงชื่อเป็นพยานในขณะทำพินัยกรรม พินัยกรรมไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ศาลอนุญาต

นายบุญจำเลยให้การปฏิเสธคำร้องเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์ทั้งสิ้นอ้างว่าพินัยกรรมนางเล็กทำถูกต้องใช้ได้ตามกฎหมาย

ศาลชั้นต้นว่า โจทก์กับนางเล็กได้หย่าขาดจากกันแล้ว ที่ดิน 4 แปลงนางเล็กได้รับโอนมาภายหลังที่หย่าขาดจากกัน เป็นกรรมสิทธิ์ของนางเล็กคนเดียว พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อว่า โจทก์กับนางเล้กได้หย่าขาดจากสามีภริยาเป็นแต่ร้างกัน นางเล็กไปอยู่วัดค้างคาวจนถึงแก่ความตาย ที่ดินโฉนดที่ 3452-3461-3462 เป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับนางเล็กโจทก์ได้ 2 ส่วน นางเล็กได้ 1 ส่วน ที่ดินโฉนดที่ 3466 นางเล็กได้มาระหว่างร้างกันกับโจทก์ โจทก์ไม่มีส่วนในที่ดินแปลงนี้ พิพากษาแก้ว่าที่ดินโฉนดที่ 3452-3461-3462 โจทก์มีกรรมสิทธิ์ 2 ส่วน นางเล็ก 1 ส่วน โจทก์ขอแก้ชื่อในโฉนดได้ตามนี้ พระภิกษุเหรียญจำเลยรับโอนรับมรดกที่ดินโฉนดที่ 3462 ไปทั้งหมดเกินไปให้เพิกถอนลงชื่อโจทก์ 2 ส่วน พระภิกษุเหรียญจำเลย 1 ส่วน ยกฟ้องเฉพาะโฉนดที่ 3466 เสีย

โจทก์และนายบุญจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาตรวจประชุมปรึกษาเห็นว่า ตามทางพิจารณาได้ความชัดเจนว่า โจทก์กับนางเล็กเป็นสามีภริยากันอยู่จนนางเล็กตาย โดยไม่ได้มีการหย่าขาดจากสามีภริยากันเลย เป็นแต่ก่อนนางเล็กตายนางเล็กแยกจากโจทก์ไปอยู่ที่วัดค้างคาวนาน 10 ปีเศษ โจทก์ก็แยกอยู่ต่างหากฟังได้ว่าโจทก์กับนางเล็กร้างกันที่ดินโฉนดที่ 3466 นางเล็กซื้อจากนางมอญโอนใส่ชื่อนางเล็กเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2483 ในระหว่างที่โจทก์กับนางเล็กร้างกัน ฉะนั้น ที่ดินแปลงนี้โจทก์ไม่มีส่วนได้เป็นสินสมรส ที่ดินอีก 3 แปลงได้มาก่อนร้างกัน โจทก์กับนางเล็กจึงมีส่วนได้เป็นสินสมรส ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบ ฎีกาของโจทก์และนายบุญจำเลยฟังไม่ขึ้น

พร้อมกับพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ค่าธรรมเนียมในชั้นศาลนี้ให้เป็นพับไป

Share