แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า ขอกู้เงินจากสามีสามีให้ภรรยาจัดการและลงนามในสัญญาและลงนามแทน ขอให้จำเลยทั้งสองคืนทรัพย์ที่เป็นประกันเงินกู้ดังนี้เป็นการฟ้องให้สามีภรรยารับผิดในหนี้ร่วม และกรณีที่ได้ความเช่นนี้ ถือว่าเป็นหนี้ร่วมซึ่งสามีภรรยาต้องรับผิดชอบร่วมกัน
หนังสือกู้มีชื่อภรรยาเป็นผู้ให้กู้ เมื่อผู้กู้ฟ้องเรียกทรัพย์ที่เป็นประกันคืนจากสามีภรรยา ผู้กู้อาจนำพยานบุคคลมาสืบว่า สามีเป็นผู้ให้กู้ด้วยโดยให้ภรรยาจัดการแทนได้ไม่เป็นการต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา94
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าได้กู้เงินนายฮวดและมอบรหัสให้ไว้ ขอให้จำเลยคืนรหัส นายฮวดปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ โจทก์จึงยื่นคำร้องแก้และเพิ่มเติมฟ้องว่า โจทก์ไปขอกู้เงินนายฮวด ๆ ให้นางชุบภรรยาจัดการและลงนามเป็นคู่สัญญาและลงนามแทน และขอเรียกนางชุบเป็นจำเลยด้วย
คดีได้ความว่า นายฮวดจำเลยเป็นคนพิการตาบอดและเดินไม่ได้มาช้านาน ได้มอบให้นางชุบจำเลยผู้เป็นภรรยาจัดการกิจการบ้านเรือนแทน ตลอดจนการให้กู้ยืมจำนำ จำนองและรับไถ่ถอน โจทก์ได้พูดตกลงทำสัญญากู้เงินกับนายฮวดจำเลย แต่นายฮวดให้นางชุบจำเลยเซ็นชื่อในสัญญา การกู้รายนี้ได้มอบเครื่องฉุดรหัสให้เป็นประกัน ต่อมาโจทก์ได้นำเงินต้นและดอกเบี้ยไปชำระเพื่อขอเครื่องยนต์คืน จำเลยไม่ยอมรับชำระหนี้ และไม่ยอมคืน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า นางชุบมีความเกี่ยวพันในนิติกรรมรายนี้กับโจทก์อย่างไร ได้ความเพียงว่านางชุบเป็นสามีภรรยากัน กรณีย่อมผูกพันกัน ซึ่งไม่แจ้งชัดว่าผูกพันอะไรกัน โจทก์ไม่มีทางจะฟ้องร้องเอาอะไรจากนางชุบได้ส่วนนายฮวดจำเลยนั้น ฟ้องเดิมว่ากู้เงินจากนายฮวด แต่สัญญากู้ปรากฏว่ากู้จากนางชุบ โจทก์จะนำพยานมาสืบว่า นางชุบไม่ใช่ผู้ให้กู้แต่หากทำแทนนายฮวดสามีนั้นเป็นการสืบเพิ่มเติมเอกสาร เมื่อเอกสารการกู้ไม่ตรงกับที่โจทก์กล่าวในฟ้องเช่นนี้ ก็ไม่มีทางจะบังคับนายฮวดได้ จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้โจทก์ชนะ แต่มีความเห็นแย้งว่าควรยกฟ้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำฟ้องเดิม และที่ขอแก้ไขมีข้อความพอให้เข้าใจว่า โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในฐานะเป็นสามีภรรยาให้รับผิดร่วมกัน ฉะนั้นที่โจทก์นำสืบถึงพฤติการณ์ระหว่างจำเลยทั้งสองเพื่อแก่การรับผิด ย่อมสืบไม่ขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 และถือว่านางชุบกระทำไปโดยได้รับความยินยอมจากนายฮวดจำเลยแล้ว หนี้รายนี้จึงถือว่าเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการงานซึ่งสามีภรรยาทำด้วยกัน จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดร่วมกันต่อโจทก์ จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์