แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทำผิดวันที่ 27 เวลากลางคืนถึงวันที่ 28 เดือนเดียวกัน ไม่ได้บอกว่าเวลาไหน ดังนี้ควรฟังว่าโจทก์หมายถึงเวลากลางคืนเริ่มต้นของวันที่ 28 ต่อจากวันที่ 27 ทางพิจารณาได้ความว่า ทำผิดวันที่ 28 เวลากลางวัน ต้องยกฟ้อง
คำร้องขอแก้ฟ้องต้องมีเหตุอันควร เมื่อโจทก์ไม่ได้แสดงเหตุอันควรที่ขอแก้ ศาลไม่อนุญาตให้แก้
จำเลยสองคนรับของโจรต่อทอดจากกัน ทางพิจารณาปรากฏว่าเวลาเกิดเหตุสำหรับจำเลยคนหลังต่างกับที่โจทก์กล่าวในฟ้องต้องยกฟ้องโจทก์ ดังนี้เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลมีอำนาจพิพากษายกฟ้องตลอดถึงจำเลยคนแรกที่มิได้อุทธรณ์ด้วยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องมีใจความว่า มีคนร้ายลักเหล็กของเจ้าทรัพย์ไปในระหว่างวันที่ 27 กันยายน 2489 เวลากลางคืน นายไข่จำเลยได้รับซื้อเหล็กที่กล่าวแล้วไว้จากคนร้ายในระหว่างวันเวลาที่ดังกล่าวแล้วถึงวันที่ 28 เดือนเดียวกัน นายย้อยจำเลยได้ซื้อเหล็กนั้นจากนายไข่จำเลยในวันที่ 28 นั้นนั่นเองเวลากลางคืน โดยจำเลยรู้ว่าเป็นของที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย ขอให้ลงโทษ
เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องว่า ตามฟ้องของโจทก์ที่ว่าเหตุเกิดเวลากลางคืนนั้นผิดไป ขอแก้เป็นเวลากลางวัน ฝ่ายจำเลยคัดค้านไม่ยอมให้แก้ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้แก้ไขได้ และตัดสินลงโทษจำเลย
นายย้อยจำเลยผู้เดียวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ปล่อยจำเลยไปทั้งสองคน
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาพิจารณาเห็นว่า โจทก์ฟ้องนายไข่จำเลยที่ 1 ว่ากระทำผิดในระหว่างวันที่ 27 กันยายน 2487 เวลากลางคืนถึงวันที่ 28เดือนเดียวกัน ไม่ได้กล่าวว่าถึงวันที่ 28 เวลาไหนอาจจะแปลว่าเป็นเวลาวันที่ 28 เวลากลางวันซึ่งเป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเคลือบคลุมก็ได้ ศาลฎีกาแปลว่า โจทก์ฟ้องหมายถึงเวลาเริ่มต้นของวันที่ 28 ซึ่งเป็นเวลากลางคืนระหว่างวันที่ 27 กับ 28 ติดต่อกันส่วนเรื่องที่โจทก์ขอแก้เวลากระทำผิดของนายย้อยจำเลยนั้นโจทก์กล่าวความห้วน ๆ ว่า เวลากลางคืนผิดไปขอแก้เป็นเวลากลางวันหาได้ชี้แจงแสดงเหตุผลที่ขอแก้ไม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 เมื่อโจทก์ไม่แสดงเหตุอันควรก็แก้ไม่ได้ข้อเท็จจริงได้ความตามทางพิจารณาจึงต่างกับฟ้อง และเห็นว่าเรื่องข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องในคดีนี้เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้อุทธรณ์ได้ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 จึงพิพากษายืนให้ยกฟ้องโจทก์