คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2489

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องเรื่องปล้นระบุชื่อเจ้าทรัพย์ แต่ทางพิจารณาได้ความว่าผู้นั้นเป็นเพียงผู้รับจ้างหาบหามและอยู่ในความปกครองของผู้นั้นจำเลยก็ไม่หลงข้อต่อสู้ ดังนี้ลงโทษได้
ฟ้องระบุตำบลที่เกิดเหตุตามคำพยานโจทก์ว่า เหตุเกิดที่เขาฤาษีเขาฤาษีจะอยู่ในตำบลนั้นหรือไม่ ไม่ได้ความ และจำเลยไม่ได้คัดค้านอย่างใด ดังนี้ ต้องถือว่าอยู่ในตำบลตามฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นทหารประจำการสมคบกับจำเลยในคดีอาญาดำที่ 69/2487 ของศาลทหารมณฑลทหารที่ 4 (นครสวรรค์) ปล้นเนื้อหมู เส้นก๋วยเตี๋ยว ถั่วงอกและหาบของนายเฮียะ เหตุเกิดที่ตำบลย่านมัทรีย์ จังหวัดนครสวรรค์ ขอให้ลงโทษ

ศาลชั้นต้นเชื่อพยานโจทก์ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 301

จำเลยอุทธรณ์ว่า ทรัพย์ที่ถูกปล้นเป็นของใคร เหตุเรื่องนี้เกิดที่ไหน ทางพิจารณาได้ความต่างกับที่กล่าวในฟ้อง ต้องยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าทรัพย์นี้เป็นของผู้อื่น ไม่ใช่ของนายเฮียะ แต่คดีก็ได้ความว่า ทรัพย์นี้นายเฮียะรับจ้างหาบไปส่ง อยู่ในความครอบครองของนายเฮียะ ทรัพย์อันเดียวกัน แต่เรียกผู้ครอบครองทรัพย์นี้เป็นเจ้าของเป็นข้อปลีกย่อย จำเลยไม่หลงข้อต่อสู้ ไม่เป็นเหตุให้ยกฟ้องฎีกาที่ 342/2485 ส่วนเรื่องสถานที่เขาฤาษีที่พยานโจทก์ว่าเกิดเหตุที่นั่นนั้น เขาฤาษีจะอยู่ในตำบลย่านมัทรีย์ตามที่กล่าวในฟ้องหรือไม่ไม่ได้ความ เมื่อจำเลยไม่ได้คัดค้านอย่างไร จะต้องฟังในเบื้องต้นว่าอยู่ในตำบลที่โจทก์ฟ้อง เว้นแต่จำเลยจะคัดค้านและนำสืบให้ได้ความว่าเป็นคนละตำบลกัน จำเลยอุทธรณ์อีกข้อหนึ่งว่าคดีนั้นโอนมาจากศาลทหารมาขึ้นศาลพลเรือน การพิจารณาในศาลทหารเป็นอันใช้ไม่ได้นั้น เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2487 มาตรา 8 ให้นำบทบัญญัติแห่งวิธีพิจารณาความอาญาใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่โอนคดีมา ไม่มีว่าการพิจารณาที่แล้วมาแล้วในศาลทหารใช้ไม่ได้ อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอันตกไป จึงพิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share