คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2573/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ชายข่มขืนชำเราหญิงอายุ 15 ปี จนมีครรภ์คลอดบุตรศาลพิพากษาว่าเด็กเป็นบุตรของชายตามฟ้องของหญิง ให้ใช้นามสกุลชายให้เด็กอยู่กับหญิงและให้หญิงเป็นผู้ปกครองเด็กให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูจนอายุ 20 ปี ให้ใช้ค่าเสียหายแก่หญิง
ชายต่อสู้ว่าข้อหาละเมิดขาดอายุความ ศาลยกฟ้องโดยเหตุอื่นหญิงอุทธรณ์ฎีกา ชายมิได้อ้างอายุความในคำแก้อุทธรณ์ฎีกา ถือว่าชายไม่ยกอายุความขึ้นต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ฎีกา
คำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชวิทยาตรวจร่างกายและเลือดของชายหญิงและเด็ก เห็นว่าไม่มีข้อปฏิเสธว่าเด็กไม่ใช่บุตรเกิดจากชายและหญิง มีน้ำหนักดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยฉุดคร่าอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราโจทก์จนเป็นเหตุให้โจทก์ตั้งครรภ์และเกิดบุตรคือเด็กชายบ๋อ ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายที่ทำให้โจทก์เสียความบริสุทธิ์ 10,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการคลอดบุตร 2,000 บาท และให้พิพากษาให้จำเลยรับว่าเด็กชายบ๋อเป็นบุตรจำเลย พร้อมทั้งให้ใช้ชื่อสกุลของจำเลย กับให้จำเลยใช้ค่าเลี้ยงดูเด็กชายบ๋อตั้งแต่เกิดจนถึงวันฟ้องรวมปีเศษเป็นเงิน 16,200 บาท และอีกเดือนละ 300 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ

จำเลยให้การว่า ไม่ได้ข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ โจทก์ตั้งครรภ์และมีบุตรอย่างไรจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยค่าเสียหายตามฟ้องเกี่ยวกับละเมิดขาดอายุความแล้ว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฝ่ายโจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา แม้ผลที่สุดของคดี ศาลฎีกาจะพิพากษายกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาฎีกาที่1988/2514 ก็ตามก็ไม่ทำให้หลักฐานของคดีโจทก์ในเรื่องนี้เสียไปเพราะเป็นการยกฟ้องโดยโจทก์ในคดีอาญานั้น คือบิดามิได้สมรสกับมารดาโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีอำนาจฟ้องหาใช่ศาลฎีกาได้พิพากษาว่าจำเลยมิได้ข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ไม่ และศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าเด็กชายบ๋อเป็นบุตรของจำเลยซึ่งเกิดจากการที่จำเลยข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ดังฟ้อง

สำหรับปัญหาว่าโจทก์สมควรได้ค่าสินไหมทดแทนตลอดจนค่าเลี้ยงดูเด็กชายบ๋อเป็นเงินเท่าไรนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไปว่าขณะเกิดเหตุโจทก์เป็นหญิงสาวบริสุทธิ์อายุเพียง 15 ปีเศษเมื่อถูกจำเลยข่มขืนจนมีครรภ์ ค่าของความเป็นสาวย่อมตกต่ำจนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่มีชายใดประสงค์จะแต่งงานด้วย อนาคตของโจทก์ต้องสูญเสียไปอย่างแก้ไม่ได้ ดังนั้นที่โจทก์เรียกร้องเอาจากจำเลย 10,000 บาทกับค่าใช้จ่ายในการคลอดอีก 2,000 บาทจึงเป็นการสมควรแล้ว และการที่โจทก์ต้องใช้จ่ายเลี้ยงดูเด็กชายบ๋อนับแต่คลอดถึงขณะฟ้องเป็นเวลา 4 ปี 6 เดือนเป็นเงิน 16,200 บาทหรือเพียงวันละ 9 บาทเศษก็ไม่มากจนเกินไป กับการที่โจทก์จะขอให้จำเลยจ่ายค่าเลี้ยงดูเด็กชายบ๋อในอัตราเดือนละ 300 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าเด็กชายบ๋อจะบรรลุนิติภาวะก็ย่อมเป็นการสมควรเช่นเดียวกันและในระหว่างเป็นผู้เยาว์อยู่นี้เห็นควรให้อยู่ในความปกครองของโจทก์ ส่วนที่จำเลยให้การต่อสู้ว่าค่าเสียหายตามฟ้องเกี่ยวกับละเมิดขาดอายุความแล้วนั้น ปรากฏว่าในชั้นอุทธรณ์จำเลยมิได้ตั้งประเด็นในเรื่องอายุความมาในคำแก้อุทธรณ์ในชั้นฎีกาจำเลยก็มิได้ยื่นคำแก้ฎีกาไม่มีประเด็นเรื่องอายุความในชั้นฎีกาศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัย

พิพากษากลับว่า เด็กชายบ๋อ ส้มแก้ว เป็นบุตรของนายจำลองสระบัวจำเลยเกิดกับนางลิ้นจี่ ส้มแก้วโจทก์ มีสิทธิใช้นามสกุล “สระบัว” ของจำเลย และให้อยู่ในความปกครองของโจทก์ในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์อยู่ ให้จำเลยจ่ายเงินค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูเป็นเงิน 16,200 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูเด็กชายบ๋อเป็นรายเดือน ๆ ละ 300 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าเด็กชายบ๋อจะมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ 12,000 บาท

Share