คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การว่า จำนวนเงินตามสัญญากู้ยืมที่โจทก์นำมาฟ้องจำนวน 32,000 บาทนั้น จำเลยได้รับไปเพียง 4,000 บาท เท่านั้นโดยเอาหนี้เก่ามาผนวกกับหนี้ใหม่แล้วเพิ่มจำนวนเงินเป็นแปดเท่า เป็นการต่อสู้ว่าสัญญานั้นไม่สมบูรณ์ จำเลยมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบได้ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ 32,000 บาท จำเลยผิดสัญญาไม่ชำระดอกเบี้ยและเงินต้นตามกำหนด ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินต้นและดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน 38,400 บาท และชำระดอกเบี้ยสำหรับเงินต้น 32,000 บาทนับแต่วันฟ้อง

จำเลยให้การว่า จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไป 2 ครั้ง ครั้งละ 2,000 บาท รวมเป็นเงิน 4,000 บาท โจทก์เอาเงินต้นครั้งแรกมารวมกับครั้งที่สอง เป็นเงินต้นจริง 4,000 บาท แต่ให้ลงเงินต้นในสัญญา 8 เท่า ของเงินต้นจริง เป็นเงิน 32,000 บาท ในวันชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ไม่จำต้องสืบพยานต่อไป

ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยไม่มีสิทธิสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้เพราะเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในหนังสือสัญญากู้ พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 38,400 บาทและดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยาน แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยให้การว่า จำนวนเงินตามสัญญากู้ยืมที่โจทก์นำมาฟ้องจำนวน 32,000 บาทนั้น จำเลยได้รับไปเพียง 4,000 บาท เท่านั้น โดยเอาหนี้เก่ามาผนวกกับหนี้ใหม่ แล้วเพิ่มจำนวนเงินเป็นแปดเท่า เป็นการต่อสู้ว่าสัญญานั้นไม่สมบูรณ์ จำเลยมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบได้ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย

พิพากษายืน

Share