คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1288/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ก่อนจำเลยถูกฟ้องล้มละลาย จำเลยได้ตกลงกับบรรดาผู้ซื้อที่ดินจากจำเลยซึ่งชำระเงินให้แก่จำเลยไว้แล้ว และจัดการรังวัดแบ่งแยกที่ดินลงชื่อผู้ซื้อในโฉนดเสร็จแล้ว ยังคงแต่ผู้ซื้อที่มีชื่อนั้นจะไปรับโฉนดเท่านั้นจำเลยก็ถูกฟ้องล้มละลายและมีการอายัดโฉนดเหล่านี้ไว้มติของที่ประชุมเจ้าหนี้ข้างมากให้ถอนการอายัด ไม่ขัดต่อกฎหมายและคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ให้ดำเนินการตามมตินั้นเป็นการถูกต้อง
ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 36 ให้อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้นที่จะร้องต่อศาล เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิ

ย่อยาว

บริษัทจำเลยก่อนจะถูกฟ้องล้มละลายได้ทำการจัดสรรที่ดินแบ่งขายแก่บุคคลจำนวนมาก แต่ไม่สามารถแบ่งแยกโอนโฉนดให้ได้เพราะได้ขายฝากและจำนองไว้ทั้งผู้จัดการบริษัทจำเลยก็หลบหนีผู้ซื้อหลายคนกับจำเลยจึงได้ตกลงกัน โดยผู้ซื้อบางคนยอมออกเงินเพิ่มให้อีก และบางคนยอมสละที่ดินครึ่งหนึ่งของจำนวนที่ซื้อ จำเลยได้เงินที่เพิ่มและจากการขายที่ดินซึ่งมีผู้สละดังกล่าวแล้วไปทำการไถ่จำนอง แล้วลงชื่อผู้ซื้อลงในโฉนดซึ่งทำการรังวัดแบ่งแยกเป็นแปลงเล็ก ๆ 99 แปลง เสร็จเรียบร้อยยังเพียงแต่รอให้ผู้ซื้อซึ่งลงชื่อแล้วนั้นไปรับโฉนดจากเจ้าพนักงานที่ดินเท่านั้น ครั้นบริษัทจำเลยถูกฟ้องล้มละลายแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้อายัดโฉนดเหล่านี้ไว้ 99 โฉนด ตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้ ผู้ถูกอายัดยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้ปล่อยการอายัดเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้ที่ประชุมเจ้าหนี้วินิจฉัย ที่ประชุมเจ้าหนี้ลงมติมีเสียงข้างมากว่า สัญญาประนีประนอมระหว่างผู้ซื้อกับจำเลย แม้ไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือก็ใช้ได้ ให้ถอนการอายัดโฉนด 28 ราย ซึ่งไม่ได้ติดค้างชำระค่าที่ดิน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งให้ดำเนินการตามมตินั้น

ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้มีเสียงข้างน้อยจึงยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งว่า มติที่ประชุมเจ้าหนี้และคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะสัญญาประนีประนอมไม่ได้ทำเป็นหนังสือ ตกเป็นโมฆะ ขอให้ศาลสั่งทำลายมติที่ประชุมและคำสั่งดังกล่าวนั้น

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แถลงแก้ว่า ผู้ถูกอายัดกับจำเลยผู้ล้มละลายได้ปฏิบัติตามผลแห่งการประนีประนอมแล้ว และมติของที่ประชุมเจ้าหนี้ชอบด้วยกฎหมาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เห็นด้วยจึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามมตินั้นต่อไป

ศาลแพ่งวินิจฉัยว่าสัญญาประนีประนอมที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือหาได้เป็นโมฆะเสียเลยไม่ กฎหมายห้ามเพียงแต่ไม่ให้นำมาฟ้องร้องเท่านั้นเรื่องนี้คู่สัญญาได้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมจนเสร็จไปแล้วย่อมใช้ได้ มติที่ประชุมเจ้าหนี้และคำสั่ง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ขัดต่อกฎหมาย และตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 36 เฉพาะแต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้นที่มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาล ผู้ร้องหามีอำนาจไม่ จึงให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งประการใดเจ้าหนี้ได้รับความเสียหายก็อาจร้องต่อศาลได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 146 แต่มติของที่ประชุมเจ้าหนี้ในเรื่องนี้หาขัดต่อกฎหมายไม่ คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ให้ดำเนินการตามมติเป็นการถูกต้อง จึงพิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 36 ให้อำนาจแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้นที่จะร้องต่อศาล ผู้ร้องไม่มีสิทธิ แม้ผู้ร้องจะอาศัยสิทธิร้องตามมาตรา 146 ที่ดินรายนี้ก็ได้ลงชื่อผู้ซื้อในโฉนดแปลงใหญ่และแปลงเล็ก ๆ ที่แบ่งแยกแล้วตั้งแต่ก่อนบริษัทจำเลยล้มละลาย ยังแต่ผู้มีชื่อในโฉนดจะไปรับเอาจากเจ้าพนักงานที่ดินเท่านั้น คำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว ไม่มีเหตุแก้ไข จึงพิพากษายืน

Share