แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เดิมที่ดินของโจทก์เป็นที่ดินแปลงเดียวกับของ ก. และ ว. และเป็นของบิดาโจทก์ ต่อมาบิดาโจทก์ตาย ที่ดินแปลงนั้นได้แบ่งแยกตกได้แก่โจทก์ ก. และ ว. ที่ดินของโจทก์อยู่ด้านในโจทก์จึงมีสิทธิผ่านที่ดินของ ก. และ ว. ออกสู่ทางสาธารณได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 โจทก์หามีสิทธิผ่านออกในที่ดินแปลงอื่นไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินของโจทก์อยู่ในที่ล้อม ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ จึงขอให้จำเลยทั้งสองเปิดทางเดินให้โจทก์
จำเลยให้การว่า ไม่เคยมีทางเดินในที่ของจำเลย ที่ดินของโจทก์มิได้ตกในที่ล้อม ทิศตะวันตกติดทางสาธารณะ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเปิดทางเดินให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ดินของโจทก์เดิมเป็นที่ผืนเดียวกับที่นายแกล้ม นายวุฒิ และนายกลิ่น และเป็นของนายกลับบิดาโจทก์นายกลับตายมา 15 ปีแล้ว โจทก์ไม่ได้ใช้ทางพิพาทมาเกิน 10 ปีแล้วโจทก์ย่อมหมดสิทธิในที่พิพาทในฐานะเป็นที่มีภารจำยอมตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1399 เมื่อ 2 ปีมานี้ โจทก์เข้าปลูกเรือนในที่ของโจทก์ซึ่งถูกแบ่งแยกมา ดังนั้นตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 โจทก์มีสิทธิใช้ทางเดินออกได้ในที่ดินของนายแกล้ม ซึ่งอยู่ติดกับทางสาธารณะโดยผ่านที่ของนายวุฒิเล็กน้อย โจทก์หามีสิทธิผ่านที่จำเลยไม่
พิพากษายืน