แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยและเรียกดอกเบี้ยร้อยละ15 ต่อปีจำเลยให้การต่อสู้ว่า ในสัญญากู้คิดดอกเบี้ยตามกฎหมายแต่โจทก์กลับคิดร้อยละ 15 ต่อปีสำเนาสัญญากู้ไม่ถูกต้องย่อมเห็นได้ชัดว่า จำเลยให้การปฏิเสธว่าสัญญากู้ไม่มีข้อตกลงให้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีดังที่โจทก์ฟ้องอ้างสำเนาสัญญากู้มีข้อความว่าคิดดอกเบี้ยตามกฎหมายร้อยละ 15 ต่อปี ติดมาท้ายคำฟ้องทั้งต้นฉบับสัญญากู้ก็ยังไม่มีปรากฏในสำนวนดังนี้ถือว่า ข้อเท็จจริงเรื่องดอกเบี้ยยังไม่ยุติ คู่ความต้องนำสืบความข้อนี้กันต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยพร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี
จำเลยต่อสู้ว่า นางเหรียญจำเลยได้ผ่อนชำระหนี้ไปหมดแล้ว และในสัญญากู้ว่า ดอกเบี้ยคิดตามกฎหมาย แต่โจทก์มาคิดร้อยละ 15 ต่อปี จึงเกินไป
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีตามฟ้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้มีผลถึงจำเลยที่ 1-3 ด้วย ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำให้การจำเลยต่อสู้ว่า ในสัญญากู้ว่าคิดดอกเบี้ยตามกฎหมาย แต่โจทก์กลับคิดร้อยละ 15 ต่อปี ดอกเบี้ยจึงเกินไป 3,000 บาท สำเนาสัญญาไม่ถูกต้อง ย่อมเห็นได้ชัดว่า จำเลยให้การปฏิเสธว่า สัญญากู้ไม่มีข้อตกลงให้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ดังที่โจทก์ฟ้องอ้างสำเนาสัญญากู้มีข้อความว่า คิดดอกเบี้ยตามกฎหมายร้อยละ 15 ต่อปี ติดมาท้ายคำฟ้อง ทั้งต้นฉบับสัญญากู้ก็ยังไม่มีปรากฏในสำนวน ดอกเบี้ยตามกฎหมายที่ระบุในสัญญาดังที่จำเลยต่อสู้หมายความว่าร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี ข้อเท็จจริงเรื่องอัตราดอกเบี้ยจึงยังฟังไม่ได้เป็นยุติ จำต้องให้คู่ความนำสืบในข้อนี้กันต่อไปเสียก่อน
พิพากษายืน