แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดในการละเมิดซึ่งลูกจ้างในห้างหุ้นส่วนที่จำเลยเป็นผู้ถือหุ้นได้ก่อขึ้น ข้อเท็จจริงได้ความว่าภรรยาจำเลยต่างหากเป็นผู้ถือหุ้น แม้จะได้ความว่าเงินที่เอามาลงหุ้นจะเป็นเงินที่ทำมาหาได้ระหว่างสามีภรรยาก็ดี เพียงเท่านี้จะถือว่าจำเลยเป็นหุ้นส่วนนั้นด้วยหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างในตำแหน่งผู้จัดการโรงสีสหไทยสามัคคี ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ มีจำเลยที่ 2, 3, 4, 5 เป็นผู้ถือหุ้น จำเลยได้ขับรถยนต์โดยประมาทชน ด.ญ.เรวดี บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย จึงขอให้จำเลยร่วมกันรับผิดใช้ค่าเสียหาย 49,410 บาท
จำเลยที่ 1 ให้การว่าขับรถยนต์รับจ้างเป็นส่วนตัว
จำเลยที่ 2, 3, 4, 5 ให้การว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้กระทำการไปในทางการตามวัตถุประสงค์ของห้างหุ้นส่วนโรงสีสหไทยสามัคคี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหาย 10,110 บาทยกฟ้องจำเลยที่ 2, 3, 4, 5
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1, 2, 3, 4ใช้ค่าสินไหมทดแทน 12,110 บาท
จำเลยที่ 2, 3, 4 ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยที่ 3, 4 เป็นหุ้นส่วนโรงสีสหไทยสามัคคีและจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ไปในกิจการของโรงสี แต่สำหรับจำเลยที่ 2นั้นข้อเท็จจริงได้ความว่านางชุนภรรยาจำเลยที่ 2 ต่างหากเป็นผู้ถือหุ้น แม้เงินที่นางชุนจะเอามาลงหุ้นจะเป็นเงินหามาได้ระหว่างเป็นสามีภรรยาก็ดี เพียงเท่านี้จะถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนรายนี้ด้วยไม่ได้ พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 เสีย