คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4584/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้หนี้ที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เป็นหนี้ตามคำพิพากษา แต่ก็หามีผลผูกพันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลให้จำต้องถือตามไม่ เพราะเป็นกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายคนละขั้นตอน เมื่อศาลชั้นต้นในคดีล้มละลายคดีก่อนมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้ทั้ง 7 อันดับ ของเจ้าหนี้เป็นเงินทั้งสิ้น10,781,495.35 บาท เป็นจำนวนที่น้อยกว่าที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ เจ้าหนี้มิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงผูกพันเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่ง ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จ่ายเงินจำนวน 10,781,495.35 บาท ให้แก่เจ้าหนี้ จึงเป็นการจ่ายเงินเต็มจำนวนมูลหนี้ที่เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับตามคำขอรับชำระหนี้ทั้ง 7 อันดับ ถือว่าเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้โดยสิ้นเชิงแล้ว หาใช่เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ที่เพียงเป็นส่วนเฉลี่ยจากกองทรัพย์สินของ ส. ดังที่เจ้าหนี้อ้างในคำขอรับชำระหนี้ในคดีนี้ไม่ เมื่อเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เต็มจำนวนทั้ง 7 อันดับจากกองทรัพย์สินของ ส. ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมกับลูกหนี้ที่ 1 ในคดีนี้ในคดีล้มละลายคดีก่อนแล้ว การที่ลูกหนี้ร่วมกันคนหนึ่งชำระหนี้นั้นย่อมได้เป็นประโยชน์แก่ลูกหนี้คนอื่นด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 292 วรรคหนึ่งเจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้ทั้ง 7 อันดับจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1 ในคดีนี้อีก

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) ทั้งแปดเด็ดขาด เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามคำพิพากษารวม 8 อันดับ เป็นเงิน 3,292,345.62 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1 และที่ 7 ร่วมกัน รายละเอียดปรากฏตามบัญชีท้ายคำขอรับชำระหนี้

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 104 แล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้ว เห็นว่า หนี้ตามคำพิพากษาทั้ง 8 อันดับที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้นั้น สำหรับหนี้อันดับที่ 1 ถึงที่ 7 เจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.341/2528 ของศาลชั้นต้น โดยเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของนายสมชาย จริยเศรษฐวงศ์ ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของลูกหนี้ที่ 1 ในคดีนี้ โดยเป็นเจ้าหนี้มีประกันตามมาตรา 96(3) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 และเจ้าหนี้ได้รับชำระโดยครบถ้วนเต็มจำนวนที่มีสิทธิจะได้รับตามมูลหนี้อันดับที่ 1 ถึงที่ 7 แล้ว เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้อันดับที่ 1 ถึงที่ 7ในคดีนี้อีก ส่วนหนี้อันดับที่ 8 เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของนางสาวอังคณาสัจจารักษ์ตระกูล ลูกหนี้ที่ 7 นั้น ชื่อสกุลไม่ตรงกับชื่อสกุลของลูกหนี้ที่ 7 ในคดีนี้ซึ่งมีชื่อสกุลว่าสัจจารักษ์ ฟังไม่ได้ว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้อันดับที่ 8 จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 7 เห็นสมควรให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้เสียทั้งสิ้นตามมาตรา 107(1) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 7 ตามมูลหนี้ที่ขอรับชำระ และอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1 ตามมูลหนี้ที่ขอรับชำระ

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “หนี้ที่เกี่ยวกับคำขอรับชำระหนี้อันดับที่ 8 นั้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 7 ตามมูลหนี้ที่ขอรับชำระ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้อุทธรณ์ คำขอรับชำระหนี้ส่วนนี้จึงเป็นอันยุติตามคำสั่งของศาลชั้นต้น คดีคงมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้อันดับที่ 1 ถึงที่ 7 ครบถ้วนแล้วหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ก่อนคดีนี้เจ้าหนี้เคยยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามคำขอรับชำระหนี้อันดับที่ 1 ถึงที่ 7 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 10,841,551.37 บาท จากกองทรัพย์สินของนายสมชาย จริยเศรษฐวงศ์ หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดสยามพลาสติกลูกหนี้ที่ 1 ในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ล.341/2528 ของศาลชั้นต้น โดยเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันตามมาตรา 96(3) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้แล้วมีความเห็นเสนอต่อศาลชั้นต้นว่า เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับเงินตามคำขอรับชำระหนี้ทั้ง 7 อันดับรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 10,781,495.35 บาทศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้ทั้ง 7 อันดับมีจำนวนตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าหนี้มิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 1254 และสิ่งปลูกสร้างในที่ดินดังกล่าวซึ่งนายสมชายจำนองไว้เป็นประกันหนี้ได้เงินสุทธิจำนวน14,923,591 บาท ตามเอกสารแนบท้ายอุทธรณ์หมายเลข 1 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้จ่ายเงินจำนวน 10,781,495.35 บาท ให้แก่เจ้าหนี้แล้วตามเอกสารแนบท้ายอุทธรณ์หมายเลข 1, 2, 4 และ 5 เห็นว่า แม้หนี้ที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เป็นหนี้ตามคำพิพากษาแต่ก็หามีผลผูกพันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลจำต้องถือตามไม่เพราะเป็นกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายคนละขั้นตอน เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้ทั้ง 7 อันดับของเจ้าหนี้เป็นเงินทั้งสิ้น10,781,495.35 บาท เป็นจำนวนที่น้อยกว่าที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้มา เจ้าหนี้มิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงผูกพันเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 วรรคหนึ่ง ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จ่ายเงินจำนวน 10,781,495.35 บาทให้แก่เจ้าหนี้จึงเป็นการจ่ายเงินเต็มจำนวนมูลหนี้ที่เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับตามคำขอรับชำระหนี้ทั้ง 7 อันดับถือว่าเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้โดยสิ้นเชิงแล้วหาใช่เจ้าหนี้ได้ชำระหนี้ที่เพียงเป็นส่วนเฉลี่ยจากกองทรัพย์สินของนายสมชายดังที่เจ้าหนี้อ้างในคำขอรับชำระหนี้ไม่ เมื่อเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เต็มจำนวนทั้ง 7 อันดับจากกองทรัพย์สินของนายสมชายในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.341/2528 ดังกล่าวซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมกับลูกหนี้ที่ 1 การที่ลูกหนี้ร่วมกันคนหนึ่งชำระหนี้นั้น ย่อมได้เป็นประโยชน์แก่ลูกหนี้คนอื่นด้วย ตามมาตรา 292 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้ทั้ง 7 อันดับจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1 อีก ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมาไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟังขึ้น”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอรับชำระหนี้อันดับที่ 1 ถึงที่ 7 ของเจ้าหนี้ ให้เจ้าหนี้ใช้ค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีการวม 375 บาท แทนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share