คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1661/2540

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ในคดีก่อนเมื่อจำเลยบังคับคดีตามฟ้องแย้งแก่ ส. และโจทก์ในคดีแพ่งของศาลชั้นต้น โจทก์ได้ขอแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 จัตวา (3) ว่าโจทก์ได้สิทธิการเช่าและมิใช่บริวาร ซึ่งศาลได้มีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์ ส่วนคดีนี้โจทก์ขอบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนการเช่าตามสัญญาเช่าอันเดียวกับคดีก่อนจึงเป็นคนละประเด็นกับคดีก่อนฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 2611 ต่อมาจำเลยตกลงให้นายอภินันท์ ภัคภูมิ และนายสง่า รัชทาณิชย์ ปลูกสร้างตึกแถวในที่ดินดังกล่าวแล้วให้กรรมสิทธิ์ตกเป็นของจำเลยโดยให้นายอภินันท์และนายสง่ามีสิทธิเรียกเงินช่วยค่าก่อสร้างจากผู้ขอเช่าตึกแถว และจำเลยจะทำสัญญาให้เช่ามีกำหนด 30 ปี ต่อมาเมื่อวันที่ 7มีนาคม 2524 และวันที่ 8 กันยายน 2524 นายอภินันท์และนายสง่าพาโจทก์ไปเช่าตึกแถวของจำเลย 2 คูหา จากห้างหุ้นส่วนจำกัดคงศักดิ์ก่อสร้าง ซึ่งเป็นตัวแทนในการลงทุนปลูกสร้างตึกแถวในที่ดินจำเลย โจทก์ตกลงทำสัญญาจองตึกแถวตามผังก่อสร้างเลขที่ เอ.4 และ เอ.2 ซึ่งต่อมาคือบ้านเลขที่ 158/104 และ 158/105 โจทก์ได้ออกเงินช่วยค่าก่อสร้างตึกแถวที่จองไว้คูหาละ 280,000 บาท และ 270,000 บาท ตามลำดับสัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ โจทก์ได้เข้าไปอยู่อาศัยตั้งแต่ปี 2525 โจทก์ได้ติดต่อให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดคงศักดิ์ก่อสร้าง และจำเลยจดทะเบียนการเช่า แต่ห้างหุ้นส่วนจำกัดคงศักดิ์ก่อสร้างและจำเลยผัดผ่อนและไม่ไปจดทะเบียนอ้างว่านายอภินันท์และนายสง่าได้ฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นฐานผิดสัญญาก่อสร้างตึกแถว ตามคดีหมายเลขแดงที่ 4317/2527หากจำเลยชนะคดีแล้วจะไปจดทะเบียนการเช่าให้ ต่อมาศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ขับไล่นายอภินันท์และนายสง่ากับบริวารออกไปจากตึกแถวจำเลย ครั้นวันที่ 8 ตุลาคม 2535จำเลยได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปที่ตึกแถวพิพาทและปิดประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อให้ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของนายอภินันท์และนายสง่าอำนาจพิเศษ โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าไม่ใช่บริวาร จำเลยยื่นคำร้องคัดค้าน ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องโจทก์ จำเลยขอให้บังคับคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งออกหมายจับและกักขังโจทก์จำเลยมีหน้าที่ตามสัญญาที่ทำไว้กับนายอภินันท์และนายสง่าจะต้องไปจดทะเบียนการเช่าให้โจทก์ เมื่อจำเลยไม่ไปจดทะเบียนการเช่าและขับไล่โจทก์ จึงเป็นการผิดสัญญาและละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ได้อาศัยตึกแถวพิพาทประกอบธุรกิจรับจ้างขนส่ง มีสินค้ารับส่งทุกวันและเป็นจำนวนมาก หากไม่อาจจดทะเบียนการเช่าได้โจทก์ต้องเสียหายจึงขอคิดค่าเสียหายปีละ 372,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปเป็นเวลา 30 ปี ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนการเช่าตึกแถวพิพาทเลขที่ 158/104 และ 158/105ซอยจรัญสนิทวงศ์ 8 (ซอยวัดเจ้ามูล) ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่กรุงเทพมหานคร มีกำหนดการเช่า 30 ปี ค่าเช่าเดือนละ 180 บาท นับจากวันจดทะเบียนณ สำนักงานเขตบางกอกใหญ่ให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย หากไม่สามารถจดทะเบียนการเช่าได้ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายปีละ 372,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นเวลา 30 ปี

จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 2611 ตามฟ้อง เมื่อปี 2523นายอภินันท์ ภัคภูมิ และนายสง่า รัชทาณิชย์ ได้ติดต่อขอก่อสร้างอาคารตึกแถวในที่ดินของจำเลยเพื่อนำออกให้บุคคลอื่นเช่ามีกำหนด 30 ปี โดยให้นายอภินันท์และนายสง่ามีสิทธิเรียกเก็บเงินกินเปล่าจากผู้เช่าได้ เมื่อครบกำหนดการเช่าให้อาคารตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย ห้างหุ้นส่วนจำกัดคงศักดิ์ก่อสร้างไม่ใช่ตัวแทนเชิดของจำเลยแต่ห้างดังกล่าวเป็นของนายอภินันท์และนายสง่า การที่โจทก์ไปทำสัญญาเช่าอาคารจากห้างหุ้นส่วนจำกัดคงศักดิ์ก่อสร้างจึงไม่เกี่ยวข้องกับจำเลย จำเลยไม่เคยลงเงินหรือเข้าเป็นหุ้นส่วนในห้างดังกล่าว นายอภินันท์และนายสง่าก่อสร้างอาคารตึกแถวไปบางส่วน แต่ก่อสร้างผิดแบบแปลนตามที่ตกลงกันไว้ จำเลยจึงบอกเลิกสัญญา เมื่อปี 2526 นายอภินันท์และนายสง่าฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นเรื่องผิดสัญญาเรียกค่าเสียหาย จำเลยให้การและฟ้องแย้งต่อมาศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 5,820,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่13 กันยายน 2525 และให้โจทก์ทั้งสองคือนายอภินันท์และนายสง่าชำระเงินเดือนละ68,000 บาท นับแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2526 จนกว่าจะออกจากตึกแถวพิพาท ตามคดีหมายเลขแดงที่ 4317/2527 ของศาลชั้นต้น โจทก์ได้ยื่นคำร้องอ้างเหตุว่าโจทก์ได้สิทธิการเช่าเช่นเดียวกับที่ฟ้องคดีนี้ และโจทก์มิใช่บริวาร ศาลชั้นต้นยกคำร้องคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ที่โจทก์ฟ้องคดีนี้อ้างเหตุซ้ำกับเหตุตามคำร้องในคดีดังกล่าว เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนการเช่าตึกแถวเลขที่ 158/104 และ158/105 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 8 (ซอยวัดเจ้ามูล) ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงวัดท่าพระเขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร มีกำหนด 30 ปี นับจากวันที่ 7 มีนาคม 2524 และวันที่ 8 กันยายน 2524 ตามลำดับ ค่าเช่าเดือนละ 180 บาท ณ สำนักงานเขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย คำขอนอกจากนี้ให้ยก

โจทก์และจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ส่วนปัญหาที่ว่า ฟ้องของโจทก์คดีนี้เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือไม่นั้น เห็นว่า ในคดีก่อนเมื่อจำเลยบังคับคดีแก่นายสง่าและนายอภินันท์และบังคับคดีแก่โจทก์ในคดีหมายเลขแดงที่ 4317/2537 ของศาลชั้นต้น โจทก์ได้ขอแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296จัตวา (3) ส่วนคดีนี้โจทก์ขอบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนการเช่า ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในคดีนี้ของโจทก์จึงเป็นคนละประเด็นกับคดีก่อน ฟ้องโจทก์จึงหาใช่การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำไม่”

พิพากษายืน

Share