คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลพิพากษาขับไล่ผู้เช่าที่ดินศาลบังคับขับไล่ได้ตลอดถึงผู้ที่เช่าโรงเรือนของผู้เช่าที่ดินซึ่งถือว่าเป็นบริวารของผู้เช่าด้วย

ย่อยาว

คดีนี้ขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเป็นเรื่องเกี่ยวกับปัญหาในชั้นบังคับคดี มูลเดิมได้ความว่า นางเกียว จำเลย ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินของโจทก์เพื่อปลูกโรงเรือนให้เช่ามีกำหนดเวลาตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2494 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2495 พอสัญญาเช่าสิ้นอายุโจทก์มีหนังสือถึงจำเลยบอกเลิกสัญญาเช่ารายนี้ แต่จำเลยไม่ยอมออกจากสถานที่เช่า โจทก์จึงฟ้องจำเลย ศาลแขวงพระนครใต้พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่เช่า ให้จำเลยรื้อสิ่งซึ่งปลูกสร้างของจำเลยออกไปให้สิ้นเชิง คดีถึงที่สุดปรากฏตามคำร้องของโจทก์ว่าบริวารของจำเลย 13 รายชื่อขัดขืนไม่ยอมออกจากสิ่งปลูกสร้างของจำเลย ขอให้จับมากักขังฐานขัดขืนคำบังคับของศาล

บุคคลที่กล่าวซึ่งจะเรียกว่าผู้ร้อง ต่อสู้ว่าไม่ได้เป็นบริวารของจำเลยแต่เป็นผู้เช่าห้องของจำเลยซึ่งเช่าที่ดินของโจทก์ปลูกสร้างและโจทก์ก็รู้เห็นยินยอมในการที่ผู้ร้องเข้าอยู่ด้วย

ศาลชั้นต้นฟังว่าผู้ร้องเช่าโรงเรือนของจำเลย จึงถือว่าเป็นบริวารของจำเลย เมื่อจำเลยถูกขับไล่ออกจากที่ดิน ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิอะไรจะอ้างยันโจทก์ผู้เป็นเจ้าของที่ดิน จึงมีคำสั่งให้ผู้ร้องทั้ง 13 คน ออกจากที่พิพาท

ผู้ร้องทั้งหมดอุทธรณ์ว่าไม่ใช่บริวารของจำเลย

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ปลูกโรงเรือนให้เช่า ผู้ร้องได้เช่าอยู่ในโรงเรือนของจำเลยที่ปลูกอยู่ในที่ดินที่จำเลยเช่าจากโจทก์ เมื่อผู้เช่าเช่าโรงเรือนของจำเลยอยู่จึงเป็นการอยู่โดยมีสัญญาเช่าต่อจำเลย ไม่ใช่บริวารของจำเลยโจทก์ไม่มีอำนาจที่จะให้ขับไล่ ผู้ร้องในฐานะเป็นบริวารของจำเลยได้จึงพิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งให้ผู้ร้องออกจากที่พิพาท

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาประชุมปรึกษาคดีแล้ว ข้อเท็จจริงทำนองเดียวกันนี้ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้ว ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 992/2495 ระหว่างนางประเสริฐ เดวิทย์โจทก์ นางลินเอง แซ่หมก กับพวก จำเลยนายชองหมิ่น แซ่เห่า กับพวก ผู้ร้องเมื่อผู้ร้องยอมรับว่าเป็นผู้เช่าห้องของจำเลย หรือนัยหนึ่งเข้าใช้ที่ดินของโจทก์โดยอาศัยสิทธิจากจำเลย ก็ต้องถือว่าผู้ร้องทั้ง 13 คนเป็นบริวารของจำเลยฝ่ายผู้ร้องหาใช่เป็นผู้เช่าที่ดินของโจทก์ไม่ และจะว่าผู้ร้องเป็นผู้เช่าช่วงที่ดินของโจทก์ก็ไม่ได้ เพราะผู้ร้องเป็นแต่เพียงผู้เช่าห้องไปจากจำเลย เมื่อผู้ร้องไม่ใช่เป็นผู้เช่า หรือเช่าช่วงที่ดินจากโจทก์ ก็ไม่มีทางที่ผู้ร้องจะอ้างพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันใช้ยันโจทก์ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 1431/2497 ระหว่าง นายเกษม สุวรรณดี โจทก์ นางทวี สุยะเวช กับพวก จำเลย

จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ผู้ร้องใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายชั้นฎีกา 100 บาท แทนโจทก์ด้วย

Share