คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 372/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พลูเป็นไม้ยืนต้นจึงเป็นส่วนควบของที่ดินผู้ใดเป็นเจ้าของที่ดินย่อมมีกรรมสิทธิ์
เจ้าของที่ดินตัดฟันต้นพลูซึ่งผู้เช่าปลูกอยู่ในที่ดินของตนก็เท่ากับทำลายทรัพย์ของตนเองจึงไม่มีความผิดฐานทำลายทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยถอน ตัด ฟันต้นพลูของนางบัวเรียน เสียหายเป็นเงิน 30 บาท ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 324

จำเลยต่อสู้หลายประการ

ผู้เสียหายแถลงรับว่าได้เช่าบ้านจำเลยอยู่จริง บ้านที่เช่าปลูกในที่ดินของจำเลย และผู้เสียหายได้ปลูกต้นพลูในที่ดินของจำเลยมาราว 6 ปี แล้ว

ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่าต้นพลูเป็นไม้ยืนต้นจึงเป็นส่วนควบของที่ดิน จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินย่อมมีกรรมสิทธิ์เมื่อจำเลยตัดถอนต้นพลูจึงเป็นการกระทำต่อทรัพย์ของจำเลยเองไม่ผิด พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าแม้จะฟังว่าต้นพลูเป็นไม้ยืนต้น ก็ยังอาจไม่เป็นส่วนควบของที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 109 ก็ได้พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยใหม่ตามรูปคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าตามกฎหมายย่อมถือกันว่าต้นพลูเป็นไม้ยืนต้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 108 พลูปลูกในที่ดินของจำเลย ๆย่อมเป็นเจ้าของพลูนั้นด้วย เมื่อจำเลยตัดฟันต้นพลูก็เท่ากับทำลายทรัพย์ของตนเองจึงไม่ผิด ที่ศาลอุทธรณ์ยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 109ขึ้นประกอบข้อวินิจฉัยนั้น ไม่ตรงกับความหมายในเรื่องนี้ เพราะต้นพลูไม่ใช่ทรัพย์ซึ่งติดกับที่ดินชั่วคราว

พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share