แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14 วรรคหนึ่งผู้ที่จะรับสภาพหนี้ได้มีเฉพาะตัวลูกหนี้เท่านั้น การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกทำสัญญารับใช้หนี้แทน ซ. ลูกหนี้ของโจทก์แต่ไม่มีผลบังคับเพราะ น. คู่สัญญาผู้กระทำการแทนโจทก์กระทำการโดยปราศจากอำนาจ แม้ฟังว่าเป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้แสดงเจตนาฝ่ายเดียวผูกพันตนเข้ารับชำระหนี้แก่โจทก์แทนลูกหนี้ของโจทก์อันเป็นนิติกรรมฝ่ายเดียว ก็ไม่มีลักษณะของลูกหนี้รับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามบทกฎหมายดังกล่าว ไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ผู้ค้ำประกันตามสัญญารับใช้หนี้ของจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระหนี้จำนวน 29,717 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14 ต่อปี ของต้นเงิน 10,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้ให้โจทก์เสร็จ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 3 ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากสัญญารับใช้หนี้ที่จำเลยที่ 3ทำกับโจทก์เป็นโมฆะ เพราะพนักงานธนาคารของโจทก์ไม่มีอำนาจกระทำแทนโจทก์โจทก์ให้จำเลยที่ 3 รับผิดเกินวงเงินที่ค้ำประกัน ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่เคยบอกกล่าวทวงถามให้จำเลยที่ 3 ชำระหนี้ก่อนฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ แต่ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 3ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาเพียงว่า “จะสั่งในอุทธรณ์” โดยไม่ปรากฏว่าได้ส่งสำเนาคำร้องให้แก่จำเลยก่อนเพื่อให้โอกาสจำเลยว่าจะคัดค้านหรือไม่ เป็นการไม่ชอบพิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาของโจทก์ฉบับลงวันที่ 26 มกราคม 2539 ให้จำเลยทั้งสี่ แล้วดำเนินการให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ ต่อไป
ศาลชั้นต้นได้ดำเนินการส่งสำเนาคำร้องให้จำเลยทั้งสี่ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 และมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่าการที่จำเลยที่ 1 ทำเอกสารหมาย จ.4 เป็นการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 ฝ่ายเดียว ถือเป็นการรับสภาพหนี้ ผูกพันจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ในฐานะผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดด้วย ตัวแทนโจทก์จึงหาจำต้องได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ก่อนแต่อย่างใดนั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14(1) บัญญัติไว้มีใจความว่าอายุความย่อมสะดุดหยุดลงในกรณีที่ลูกหนี้รับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้อง โดยทำเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ให้ เห็นว่า ตามบทบัญญัติดังกล่าวผู้ที่จะรับสภาพหนี้ได้มีเฉพาะตัวลูกหนี้เท่านั้น ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกทำสัญญารับใช้หนี้แทนนายเซะลูกหนี้ของโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.4 ขึ้น แต่ไม่มีผลบังคับเพราะนายนิพนธ์คู่สัญญาผู้กระทำการแทนโจทก์กระทำการโดยปราศจากอำนาจแม้ฟังได้ว่าเป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้แสดงเจตนาเพียงฝ่ายเดียวผูกพันตนเข้ารับชำระหนี้แก่โจทก์แทนลูกหนี้ของโจทก์อันเป็นนิติกรรมฝ่ายเดียว ก็ไม่มีลักษณะของลูกหนี้รับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14(1) ไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องชอบแล้ว อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน