คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1051/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นผู้ใหญ่บ้าน ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่จดบัญชีสัตว์พาหนะ ทำบัญชีลูกคอกสัตว์พาหนะเท็จตามคำขอร้องของลูกบ้าน แม้จะไม่ได้รับสินจ้างรางวัล แต่ทำให้ลูกบ้านได้รับประโยชน์นำไปใช้อ้างต่อตำรวจที่ยึดโคนั้น นับว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์สำหรับผู้อื่นแล้วจึงถือได้ว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่ทุจริต มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157,162(1)
ลูกบ้านต้องการหลักฐานไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงขอให้ผู้ใหญ่บ้านจดข้อความอันเป็นเท็จลงไปในบัญชีสัตว์พาหนะนั้น ย่อมมีความผิดฐานแจ้งเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 แต่ไม่ผิดฐานสนับสนุนในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ เพราะการทุจริตต่อหน้าที่เป็นผิดเฉพาะของเจ้าพนักงาน การแจ้งเท็จหาได้เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการทุจริตต่อหน้าที่ขึ้นอีกชั้นหนึ่งไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ใหญ่บ้าน เป็นเจ้าพนักงานมีตำแหน่งช่วยเหลือกำนันและได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่รับแจ้งรายการสัตว์พาหนะที่ยังไม่ได้ทำตั๋วรูปพรรณจากลูกบ้าน ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกบ้านปลอมเอกสารสิทธิ โดยเอาข้อความซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จจดกรอกในเอกสารแสดงว่าจำเลยที่ 2 มีโค 9 ตัวมาแต่แรก เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่หลงเชื่อขอให้ลงโทษ

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 264, 265, 268, 83, 91 ให้ลงโทษตามมาตรา 265 จำคุกจำเลยคนละ 1 ปี 6 เดือน ปรับคนละ 1,200 บาท ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 800 บาท โทษจำคุกให้รอไว้

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทุกกระทงความผิด

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 157, 162(1) ให้ลงโทษตามมาตรา 157 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 162(1), 86 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองฐานเดียว ตามอัตราที่ศาลชั้นต้นวางไว้ แต่ไม่รอการลงโทษ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้พระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ. 2482 มิได้ระบุหน้าที่ผู้ใหญ่บ้านในการทำบัญชีสัตว์ไว้ก็ดี แต่ได้มีพระราชบัญญัติปกครองท้องที่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2486 มาตรา 6 เพิ่มเติม หน้าที่ผู้ใหญ่บ้านไว้อีกตามข้อ 18 ว่าผู้ใหญ่บ้านมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของกำนันหรือทางราชการ จำเลยที่ 1 ก็รับในชั้นสอบสวนว่ากำนันได้มอบหมายบัญชีสัตว์พาหนะที่ยังไม่ได้ทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณให้จำเลยเป็นผู้รักษาไว้ปฏิบัติการทั้งหมู่บ้านจำเลยมีหน้าที่รับแจ้งจากเจ้าของสัตว์พาหนะ เมื่อสัตว์เกิดและลงบัญชีสัตว์พาหนะแล้วลงชื่อจำเลยผู้จดบัญชีไว้ดังนี้ย่อมฟังได้ว่า นายแอจำเลยได้รับมอบหมายจากกำนันให้ทำหน้าที่จดบัญชีสัตว์พาหนะแบบ ส.พ.19 นี้แล้ว ฉะนั้น การที่นายแอจำเลยที่ 1 ได้กระทำในหน้าที่ผู้ใหญ่บ้านและรู้แล้วว่าจำเลยที่ 2ซื้อโคมาแล้วถูกจับยึดโคไว้ จำเลยที่ 2 ขอให้จดบัญชีเป็นโคลูกคอกเพื่อนำไปอ้างต่อตำรวจ จำเลยที่ 1 ก็ยอมจดบัญชีให้ย้อนหลังอันเป็นความไม่จริง เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต แม้จะไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้สินจ้างรางวัลแต่ประการใด ก็เป็นการทำให้จำเลยที่ 2 ได้รับประโยชน์โดยใช้เอกสารนี้ไปอ้างในการที่ถูกยึดโคนั้น เป็นการแสวงหาประโยชน์สำหรับผู้อื่นแล้ว จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162(1)

สำหรับจำเลยที่ 2 ที่ได้ขอให้จำเลยที่ 1 จดข้อความเท็จลงในเอกสารทางราชการ เห็นว่า แม้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านรู้ความจริงดังกล่าวแล้วก็ตาม จำเลยที่ 2 ได้ขอให้จำเลยที่ 1 จดข้อความอันเป็นเท็จนั้นลงไปในเอกสารทางราชการและจำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นผู้แจ้ง จำเลยที่ 2 ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านยอมจดข้อความเท็จให้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ ก็เป็นผิดเฉพาะตัวของเจ้าพนักงาน การแจ้งเท็จหาได้เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการทุจริตต่อหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ขึ้นอีกขั้นหนึ่งไม่

พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 162(1) ให้ลงโทษตามมาตรา 157 จำคุก 1 ปี 6 เดือนจำเลยที่ 2 ผิดตามมาตรา 267 ให้จำคุก 9 เดือน ลดโทษคงเหลือจำคุกจำเลยที่ 1 หนึ่งปี จำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 เดือน แต่ให้รอการลงโทษจำเลยทั้งสองไว้

Share