แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยที่ 1 บุกรุกขึ้นไปชั้นบนของสถานทูตเดนมาร์ค เข้าไปในห้องรับแขกซึ่งมีทรัพย์ตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องตั้งอยู่ และเลยเข้าไปในห้องนั่งเล่นอันเป็นเคหสถานของทูตการค้าเดนมาร์คในเวลาที่ปลอดคนเพื่อจะลักทรัพย์ แต่ภริยาทูตการค้าเห็นจำเลยเป็นการขัดขวางเสียก่อนจำเลยจึงเอาทรัพย์ไปไม่ได้ เช่นนี้ แม้จำเลยจะยังไม่ทันแตะต้องทรัพย์แต่อย่างใดก็ดี ก็เรียกได้ว่าจำเลยลงมือกระทำเข้าถึงขั้นพยายามลักทรัพย์ตามกฎหมายแล้ว
จำเลยที่ 1 บุกรุกเข้าไปพยายามลักทรัพย์ในเคหสถานของทูตการค้า ซึ่งอยู่ชั้นบนของสถานทูตเดนมาร์ค ส่วนจำเลยที่ 2 คอยดูต้นทางอยู่ชั้นล่างนั้น เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำอันเป็นการกระทำส่วนหนึ่งเพื่อให้การลักทรัพย์บรรลุผลสำเร็จ เรียกได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการในการลักทรัพย์รายนี้ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า วันที่ 11 มิถุนายน 2506 เวลากลางวัน จำเลยบังอาจสมคบกันบุกรุกเข้าไปในสถานทูตเดนมาร์ค แล้วขึ้นไปชั้นบนเข้าไปในห้องรับแขกและห้องนอนอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของนายเกรส.พี.เดอร์สัน ภรรยาทูตการค้าเดนมาร์ค โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันสมควรและจำเลยเข้าไปลักเชิงเทียนทองเหลือง 1 คู่ราคา 400 บาท โป๊ะไฟฟ้าลายคราม 1 คู่ ราคา 2,000 บาท ของนายเกรส.พี.เดอร์สัน ซึ่งวางตั้งอยู่ในห้องรับแขก จำเลยกระทำไปตลอดแล้วแต่ไม่บรรลุผล เพราะนางเกรส.พี.เดอร์สัน พบเห็นเสียก่อนและขัดขวางไว้ จำเลยจึงลักทรัพย์ไปไม่ได้ เหตุเกิดที่ตำบลทุ่งมหาเมฆ อำเภอยานนาวา จังหวัดพระนคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 80, 83, 364, 365 นับโทษจำเลยทั้งสองต่อจากคดีดำที่ 1749/2506 และขอให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ด้วย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า ตามวันเวลาที่โจทก์ฟ้อง จำเลยทั้งสองสมคบกันเข้าไปในสถานทูตเดนมาร์คเพื่อลักทรัพย์ โดยจำเลยที่ 1 ขึ้นไปชั้นบนเข้าในห้องรับแขกซึ่งมีของมีค่าดังกล่าวในฟ้องตั้งอยู่อันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของนางเกรส.พี.เดอร์สัน โดยมิได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันสมควร ส่วนจำเลยที่ 2 คอยอยู่ชั้นล่างเพื่อรับของและดูต้นทาง แต่เจ้าทรัพย์เห็นเสียก่อน จำเลยจึงหลบหนีไป พิพากษาว่าจำเลยผิดฐานพยายามลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 80, 83 และจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานบุกรุกเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364 อีกโสดหนึ่ง ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 335, 80, 83 ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา 90 โดยจำคุกคนละ 6 เดือน แต่จำเลยที่ 2 มีอายุ 19 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 76 คำรับของจำเลยที่ 2 ชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ลดให้อีก 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 2 เพียง 2 เดือน 10 วัน ให้นับโทษจำเลยทั้งสองต่อคดีแดงที่ 133/2507 นอกจากนี้ให้ยก เพราะข้อขอให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 นั้น จำเลยมิได้รับและโจทก์ก็มิได้สืบ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่าไม่ได้กระทำผิด โจทก์มิได้อุทธรณ์ข้อหาฐานบุกรุกที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 และข้อเพิ่มโทษจำเลยที่ 1 จึงยุติ
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยที่ 1 ขึ้นไปบนตึกชั้นบนของเจ้าทรัพย์โดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันสมควรจริง มีผิดฐานบุกรุกแต่จำเลยที่ 1 ยังมิได้แตะต้องหยิบฉวยทรัพย์อย่างหนึ่งอย่างใดของเจ้าทรัพย์ ยังไม่ชัดว่าจำเลยมีเจตนาลักทรัพย์ จำเลยทั้งสองยังไม่มีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364 จำคุก 6 เดือน นับโทษต่อคดีอาญาแดงที่ 133/2507 ข้อหาฐานพยายามลักทรัพย์สำหรับจำเลยทั้งสองให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาว่า พยานหลักฐานโจทก์ประกอบคำรับของจำเลยที่ 2ชั้นสอบสวนฟังได้ว่า จำเลยเข้าไปในสถานทูตเพื่อลักทรัพย์ แม้จำเลยจะยังมิได้แตะต้องหยิบทรัพย์ การกระทำของจำเลยพ้นจากการตระเตรียมใกล้ต่อผลสำเร็จแห่งการลักทรัพย์ เข้าชั้นพยายามแล้ว ขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามลักทรัพย์
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเฉพาะข้อหาฐานพยายามลักทรัพย์เท่านั้น ซึ่งข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จเลยที่ 1 ได้บุกรุกขึ้นไปชั้นบนของสถานทูตเดนมาร์ค เข้าไปในห้องรับแขกซึ่งมีทรัพย์ตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องตั้งอยู่รวมทั้งทรัพย์อื่นด้วย และเลยเข้าไปในห้องนั่งเล่นอันเป็นเคหสถานของเจ้าทรัพย์โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันสมควร เมื่อนางเกรส.พี.เดอร์สันเห็นและคนใช้ทักถาม จำเลยที่ 1 ก็กลับออกไปเช่นนี้ จะเป็นผิดฐานพยายามลักทรัพย์หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ตามที่จำเลยที่ 1 แก้ตัวว่าต้องการไปพบนายพายัพที่สถานทูตเดนมาร์ค ก็ปรากฏว่า ที่ทำงานสถานทูตอยู่ชั้นล่าง สภาพของสถานที่แตกต่างกับชั้นบนซึ่งเป็นห้องรับแขกและห้องนั่งเล่น มีสิ่งของทรัพย์สินตกแต่งเป็นที่รโหฐานที่อยู่อาศัยพึงเห็นได้ชัดว่าไม่น่าจะเป็นสถานที่ที่จะไปพบนายพายัพ ซึ่งเป็นเพียงคนใช้สำหรับส่งหนังสือของสถานทูตในสถานที่ชั้นบน ทั้งปรากฏตามคำนางเกรส.พี.เดอร์สัน ว่าขณะคนใช้ทักถามจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 บอกว่าเข้าประตูผิด ความจริงต้องการไปห้องทำงานชั้นล่าง ซึ่งแสดงว่าจำเลยที่ 1 รู้ดีว่าสำนักงานของสถานทูตอยู่ชั้นล่าง ไม่ใช่ชั้นบน ข้อแก้ตัวว่าเข้าประตูผิดจึงไม่สมด้วยเหตุผล และเป็นพิรุธ ยิ่งกว่านั้นเมื่อนายมนูญเจ้าหน้าที่สถานทูตพร้อมตำรวจสอบถามจำเลย จำเลยที่ 1 กลับบอกว่าจะมาติดต่อขอวีซ่าเพื่อไปศึกษาต่อที่ประเทศเดนมาร์ค ไม่ใช่เรื่องมาหานายพายัพให้ช่วยหางานให้จำเลยที่ 2 ทำดังข้อนำสืบของจำเลยครั้นถามหาหนังสือเดินทางจำเลยก้ไม่มี ทั้งขณะเกิดเหตุเวลาประมาณ 12 นาฬิกา อันเป็นเวลาที่คนทั่ว ๆ ไปนิยมหยุดพักงานข้อมาขอวีซ่าจึงไม่น่าเชื่อ กลับเป็นผลแสดงให้เห็นว่า จำเลยหาเวลาปลอดคนถือโอกาสลอบขึ้นไปชั้นบนเพื่อจะลักทรัพย์มากกว่า การที่นางเกรส.พี.เดอร์สัน เห็นเป็นการขัดขวางเสียก่อน จำเลยที่ 1 จึงเอาทรัพย์ไปไม่ได้เช่นนี้ แม้คนร้ายจะยังไม่ทันแตะต้องทรัพย์แต่อย่างใดก็เรียกได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ลงมือกระทำเข้าถึงขั้นพยายามลักทรัพย์ตามกฎหมายแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามพฤติการณ์ยังไม่ชัดว่าจำเลยมีเจตนาเข้าไปลักทรัพย์ยังไม่ผิดฐานพยายามลักทรัพย์ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ส่วนจำเลยที่ 2 นั้น เมื่อจับตัวมา จำเลยรับว่าได้เข้าไปในบริเวณสถานทูตจริง แต่อยู่เพียงชั้นล่าง ในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 2 รับว่า ได้เข้าไปในสถานทูตเพื่อจะลักทรัพย์ ที่จำเลยที่ 2 อ้างว่ารับเพราะถูกตำรวจข่มขู่และตบหน้านั้น พนักงานสอบสวนก็ว่าไม่ได้ขู่และปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้แสดงท่าทีคอยอยู่ชั้นล่างให้ตำรวจถ่ายภาพไว้ประกอบคำให้การอีก จึงไม่น่าเชื่อว่าจะมีการข่มขู่ยิ่งปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้ถูกศาลพิพากษาลงโทษในข้อหาว่าสมคบกันลักทรัพย์ก่อนเกิดคดีนี้ 2 เดือนเศษ คดีถึงที่สุด ซึ่งแสดงว่าจำเลยทั้งสองสนิทสนมชิดชอบกันมาก ศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยที่ 2 ได้สมคบกับจำเลยที่ 1 เข้าไปในสถานทูตเดนมาร์คเพื่อลักทรัพย์ โดยจำเลยที่ 2 คอยดูต้นทางอยู่ที่ชั้นล่าง การแบ่งหน้าที่กันทำ อันเป็นการกระทำส่วนหนึ่งเพื่อให้การลักทรัพย์บรรลุผลสำเร็จ เรียกได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการในการลักทรัพย์รายนี้ด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น