คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้ทำสัญญาค้ำประกันผู้มีชื่อคนหนึ่งในการเข้าทำงานเป็นลูกจ้างโจทก์ว่า ถ้าผู้มีชื่อทำให้โจทก์เสียหายด้วยประการใดๆ แล้ว จำเลยยินยอมชำระค่าเสียหายให้นั้น เมื่อผู้มีชื่อได้รับมอบหมายให้ไปทำงานและได้บังอาจเบียดบังเอาเงินของโจทก์ไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวแล้วหลบหนีไป เช่นนี้ จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันก็ย่อมต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์ตามสัญญาค้ำประกันนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาค้ำประกันไว้กับโจทก์ในการที่นายสุพิจน์ ม่วงชาติ ประสงค์เป็นลูกจ้างในตำแหน่งหัวหน้าช่างสายไฟฟ้าของโจทก์ ต่อมาระหว่างที่โจทก์ให้นายสุพิจน์ไปติดตั้งไฟฟ้าที่จังหวัดกาฬสินธุ์ นั้น นายสุพิจน์ได้ทำการทุจริตโดยเรียกเก็บเงินจากผู้มีความประสงค์จะใช้ไฟฟ้า ได้เงิน 16,841.70 บาท แล้วเบียดบังเอาเงินไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย 9,796.70 บาท และได้หลบหนีไป โจทก์จึงได้ทวงให้จำเลยใช้เงินให้โจทก์ จำเลยหาปฏิบัติตามไม่ จึงขอให้ศาลบังคับ

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายพร้อมด้วยดอกเบี้ยเป็นเงิน 10,531.40 บาท แก่โจทก์กับให้ชำระดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีในต้นเงิน 9,796.70 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า องค์การไฟฟ้าโจทก์ได้ใช้ให้นายสุพิจน์ไปติดตั้งพาดสายที่อำเภอสหัสขันธ์ เพื่อให้ราษฎรในอำเภอนั้นได้ใช้กระแสไฟฟ้าและในระยะนั้นองค์การไฟฟ้าโจทก์ยังไม่ได้แต่งตั้งพนักงานบัญชีและคนไปเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้าเป็นประจำนายสุพิจน์ได้ไปกระทำการตามที่โจทก์มอบหมายให้ทำ ดังนั้น ค่าใช้จ่ายวางสายไฟฟ้าและค่าตรวจค่าใช้ไฟฟ้าจึงเป็นผลของงานที่โจทก์มอบหมายไปทำ และถือเป็นหน้าที่ที่นายสุพิจน์ผู้รับมอบหมายให้ติดตั้งวางสายเป็นผู้เก็บเงินค่าใช้จ่ายเหล่านี้โดยปริยายผู้ค้ำประกันจะปฏิเสธความรับผิดการใช้ค่าเสียหายแทนนายสุพิจน์หาได้ไม่ เมื่อนายสุพิจน์เบียดบังเงินของโจทก์ที่เก็บมาเป็นประโยชน์ส่วนตัว โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายซึ่งจำเลยผู้เป็นผู้ค้ำประกันย่อมต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์ตามสัญญาค้ำประกัน ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้เงินให้แก่โจทก์นั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share