คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีที่ผู้ร้องได้ปฏิเสธหนี้เมื่อถูกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกร้องให้ชำระตาม มาตรา 119แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 นั้นแม้ผู้ร้องจะมิได้กล่าวอ้างว่าหนี้รายนั้นขาดอายุความในชั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ตาม ผู้ร้องก็มีสิทธิที่จะยกขึ้นกล่าวต่อสู้ในชั้นศาลได้
การชำระหนี้ให้บางส่วน อายุความย่อมสะดุดหยุดลงตามมาตรา 172 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และตั้งแต่นับอายุความใหม่โดยถืออายุความเดิมนั้น

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีล้มละลายได้มีหนังสือยืนยันจำนวนหนี้ที่ผู้ร้องจะต้องรับผิดเป็นจำนวนเงิน 9,040 บาท ความจริงหนี้จำนวนนี้ผู้จัดการเดิมของผู้ร้องได้ซื้อแหวนลูกสูบเรือจากผู้ล้มละลายรวม 29,040 บาท ต่อมาผู้ล้มละลายลดราคาให้เหลือ 26,400 บาท ในที่สุดลดราคาให้อีกเหลือ20,000 บาท และผู้ร้องได้ชำระหนี้ให้ผู้ล้มละลายครบถ้วนแล้ว หากจะฟังว่าผู้ล้มละลายยังไม่ได้รับเงินครบจำนวน คดีก็ขาดอายุความแล้วขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายชื่อผู้ร้องออกจากบัญชีลูกหนี้ของผู้ล้มละลาย

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คัดค้านว่า ผู้ร้องยังเป็นหนี้ค่าซื้อสินค้าเชื่ออยู่อีก 9,040 บาท ที่ผู้ร้องต่อสู้ว่าคดีขาดอายุความแล้วนั้น ผู้ร้องมิได้ยกต่อสู้มาตั้งแต่ชั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้ร้องเพิ่งยกอายุความขึ้นต่อสู้ในชั้นศาลย่อมฟังไม่ขึ้น และหนี้สินรายนี้หาได้ขาดอายุความไม่

ศาลชั้นต้นเชื่อว่า ผู้ร้องยังคงมีหนี้สินค้างชำระกับบริษัทผู้ล้มละลายอยู่อีก และเห็นว่าคดีไม่ขาดอายุความ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่ผู้ร้องไม่ได้ยกอายุความต่อสู้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในชั้นบังคับคดี ย่อมยกขึ้นต่อสู้ในชั้นศาลได้ และวินิจฉัยว่าหนี้รายนี้มีอายุความ 2 ปี ขาดอายุความแล้วพิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้จำหน่ายชื่อผู้ร้องออกเสียจากบัญชีลูกหนี้ของผู้ล้มละลาย

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า มาตรา 119 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มิได้ระบุข้อความตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กล่าวอ้างถึง เป็นแต่บัญญัติไว้ในวรรคแรกของมาตราดังกล่าวว่า”ถ้าจะปฏิเสธให้แสดงเหตุผลประกอบข้อปฏิเสธ…ฯลฯ” และเรื่องนี้ก้ได้ความว่า ทางฝ่ายผู้ร้องได้ปฏิเสธหนี้รายนี้เมื่อถูกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทวงถามให้ชำระแม้ผู้ร้องจะมิได้กล่าวอ้างว่าหนี้รายนี้ขาดอายุความในชั้นบังคับคดีก็ตาม ผู้ร้องก็ยังมีสิทธิจะยกขึ้นกล่าวต่อสู้ในชั้นศาลได้ หาได้เสียสิทธิไปดังที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกาขึ้นมาไม่ และเห็นว่า หนี้รายนี้มีอายุความ 2 ปี ตามมาตรา 165(1) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และเริ่มนับอายุความในการใช้สิทธิเรียกร้องแต่วันที่บริษัทผู้ล้มละลายได้ส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ร้องคือ เริ่มนับแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2495 แต่ในกรณีนี้ผู้ร้องได้ชำระหนี้รายนี้ให้แก่บริษัทผู้ล้มละลายไปแล้วส่วนหนึ่งเป็นเงิน 20,000 บาท เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2496 อันเป็นการชำระหนี้ให้บางส่วน อายุความย่อมสะดุดหยุดลงตามมาตรา 172 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงต้องตั้งต้นนับอายุความใหม่ นับจากวันที่ 30 มิถุนายน2496 เป็นต้นไป มีกำหนด 2 ปี ซึ่งก็จะหมดอายุความภายในวันที่ 29 มิถุนายน 2498 แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มาเรียกร้องให้ผู้ร้องชำระหนี้ในส่วนที่ค้างชำระนี้แทนบริษัทผู้ล้มละลายเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2500 อันเป็นเวลาล่วงเลยกำหนดอายุความ 2 ปีตามมาตรา 165(1) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดไว้ หนี้รายนี้จึงขาดอายุความแล้ว ผู้ร้องจึงไม่ต้องรับผิดในหนี้ตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกร้อง

พิพากษายืน

Share