แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยฆ่าบุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย ย่อมถือว่าจำเลยได้กระทำการละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์ขาดผู้อุปการะเลี้ยงดูไปโดยมิต้องคำนึงว่าในปัจจุบันบุตรที่ตายจะได้กำลังอุปการะเลี้ยงดูโจทก์ผู้เป็นมารดาอยู่หรือไม่ ส่วนค่าเสียหายจะเท่าใดศาลย่อมกำหนดให้ตามสมควร ส่วนค่าเสียหายเพื่อความวิปโยคโทมนัสนั้นเรียกไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เรียกร้องได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนและค่าปลงศพเผาผีนายเปรียวทองสึก บุตรโจทก์ได้กล่าวอ้างว่าจำเลยได้ฆ่านายเปรียว ทองสึกตาย อัยการได้ฟ้องจำเลย ๆ ได้ถูกศาลลงโทษไปแล้วตามสำนวนคดีอาญาแดงที่ 418/2497ของศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นการละเมิดต่อโจทก์เพราะโจทก์ได้รับความวิปโยคแสนสาหัสเพราะสูญเสียบุตรและขาดการอุปการะคิดเป็นเงินเดือนละ 600 บาท ค่าทำศพ 2,300 บาทจึงฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 18,000 บาท กับค่าปลงศพอีก 2,000 บาท รวมเป็น 20,000 บาท
จำเลยต่อสู้ว่านายเปรียวไม่ได้ให้ความอุปการะแก่โจทก์อย่างใดขณะมีชีวิต และเป็นคนประพฤติไม่ดี โจทก์เองยังไม่คบหากับนายเปรียวการทำศพภริยานายเปรียวใช้จ่ายไปเพียง 400 บาท โจทก์หาได้เกี่ยวข้องกับการทำศพไม่
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ตัวนางทรัพย์โจทก์เองไม่ได้มาเบิกความเป็นพยาน จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้เสียหายดังฟ้องจึงพิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า จำเลยได้ละเมิดโจทก์เพราะทำให้บุตรโจทก์ถึงตาย จำเลยต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ฐานขาดไร้อุปการะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 443 วรรคสาม เพราะบุตรย่อมมีหน้าที่อุปการะบิดามารดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1535 ทั้งนี้โดยมิต้องพิจารณาว่าปัจจุบันนายเปรียวบุตรจะได้อุปการะเลี้ยงดูโจทก์ผู้เป็นมารดาอยู่หรือไม่ ส่วนค่าสินไหมทดแทนจะเท่าใดศาลย่อมกำหนดให้ตามสมควร คือสำหรับคดีนี้ให้ 1,000 บาท ค่าทำศพ 1,000 บาท ที่โจทก์เรียกค่าวิปโยคเศร้าโศรกเสียใจนั้นศาลไม่คิดให้เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เรียกร้องได้