แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตาม พระราชบัญญัติอากรฆ่าสัตว์ พ.ศ.2488 บัญญัติไว้ว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้เพื่อขายซึ่งทรากสัตว์ฯ” แต่โจทก์บรรยายฟ้องว่า “จำเลยมีเนื้อกระบือชำแหละไว้เพื่อจำหน่ายฯลฯ” มิได้ใช้คำว่ามีไว้เพื่อขายก็ดี แต่คำว่าขายก็รวมอยู่ในคำว่าจำหน่ายด้วยทั้งฐานความผิดที่โจทก์หาโจทก์ก็ได้ตั้งข้อหาว่าจำเลยทำผิดฐานสมคบกันมีทรากกระบือไว้เพื่อขายโดยไม่มีใบอนุญาตกำกับคำขอให้ลงโทษก็เป็นเรื่องหาว่ามีไว้เพื่อขายและจำเลยก็รับสารภาพว่าได้ทำผิดตามฟ้องโจทก์เช่นนี้ถือว่าจำเลยมีเนื้อกระบือชำแหละไว้เพื่อขายลงโทษจำเลยในฐานนี้ได้
ประกาศของคณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรจังหวัดพระนครฉบับที่ 37 ลงวันที่ 5 ต.ค.96 ซึ่งประกาศห้ามมิให้ผู้ใดนำเนื้อกระบือชำแหละเข้ามาในเขตเทศบาลโดยฝ่าฝืนต่อประกาศดังกล่าวฉบับนั้นประกาศฉบับนี้ออกโดยอาศัยอำนาจตามความใน พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร มาตรา8(6),(8) แต่ไม่ปรากฏในคดีนี้ว่าได้มีการห้ามการค้ากำไรเกินควรในเนื้อโคหรือกระบือชำแหละเลยทั้งข้ออ้างของกรรมการในการออกประกาศก็ว่าเพื่อสวัสดิภาพของประชาชนผู้บริโภคและเพื่อช่วยสงวนพันธุ์โคกระบือสำหรับเกษตรกรรมด้วยหาใช่เพื่อป้องกันการค้ากำไรเกินควรไม่ เมื่อเช่นนี้จึงถือว่าประกาศฉบับนี้นอกเหนือวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรจึงไม่มีอากรบังคับดังนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 737/2497
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกได้สมคบกันมีเนื้อกระบือชำแหละไว้เพื่อจำหน่ายรวม 8 ขา ราคา 1,900 บาท โดยไม่มีใบอนุญาตของเจ้าพนักงานกำกับ และจำเลยกับพวกได้ทราบประกาศของคณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรจังหวัดพระนคร (ฉบับที่ 37) ลงวันที่ 5 ต.ค. 96 แล้ว ได้บังอาจสมคบกันกระทำการฝ่าฝืนประกาศฉบับดังกล่าวนี้ โดยจำเลยกับพวกได้สมคบกันนำเอาเนื้อกระบือชำแหละจำนวน 8 ขาหนัก547 ก.ก. ซึ่งเป็นการเกินกำหนดที่อนุญาตให้นำเข้ามาในเขตเทศบาลนครกรุงเทพฯ โดยมิใช่เนื้อชำแหละที่นำมาจากเขตเทศบาลกรุงเทพฯ และอยู่นอกเขตเทศบาลกรุงเทพฯ เหตุเกิดที่ ต. ถนนนครไชยศรี อ. ดุสิต จ. พระนครขอให้ลงโทษและจ่ายเงินรางวัลแก่ผู้จับด้วย
ชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิด แต่เมื่อสืบพยานโจทก์แล้วคนหนึ่งจำเลยกลับขอถอนคำให้การเดิมและขอให้การรับสารภาพตามฟ้องทุกประการพร้อมทั้งแถลงว่าการควบคุมที่โจทก์ฟ้องนั้นได้มีการประกาศให้ยกเลิกไปแล้ว
ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางพิพากษาว่าจำเลยผิดพระราชบัญญัติอากรฆ่าสัตว์ พ.ศ. 2488 มาตรา 9, 12 พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. 2497 มาตรา 8, 17 ให้รวมกระทงลงโทษปรับจำเลย 300 บาท จำเลยรับสารภาพลดกึ่งหนึ่งคงปรับ 150 บาท ไม่ชำระให้ส่งตัวไปควบคุมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง 5 เดือน ให้จ่ายรางวัลแก่เจ้าพนักงานผู้จับร้อยละ 20 ของค่าปรับ
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเด็กและเยาวชนพิจารณาแล้วเห็นว่า ตามฟ้องโจทก์และคำรับของจำเลยยังฟังเอาผิดแก่จำเลยยังไม่ได้ทั้งในข้อหาฐานฆ่าสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตและค้ากำไรเกินควร พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเด็กและเยาวชน ประชุมปรึกษาคดีนี้แล้วข้อที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอากรฆ่าสัตว์ พ.ศ. 2488 มาตรา 9 นั้นศาลฎีกาเห็นว่าแม้ตัวบทจะบัญญัติห้ามมิให้มีไว้เพื่อขายซึ่งซากสัตว์ แต่ฟ้องโจทก์บรรยายว่ามีไว้เพื่อจำหน่ายมิได้ใช้คำว่ามีไว้เพื่อขายก็ดี แต่คำว่าขายก็รวมอยู่ในคำว่าจำหน่ายด้วย ทั้งฐานความผิดที่โจทก์หาโจทก์ก็ได้ตั้งข้อหาว่าจำเลยทำผิดฐานสมคบกันมีซากกระบือไว้เพื่อขายโดยไม่มีใบอนุญาตกำกับ คำขอให้ลงโทษก็เป็นเรื่องมีไว้เพื่อขาย และจำเลยก็รับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้องโจทก์ คดีจึงฟังได้ว่าจำเลยมีเนื้อกระบือชำแหละไว้เพื่อขาย ลงโทษจำเลยตามฟ้องได้
ส่วนข้อที่โจทก์หาว่านำเนื้อกระบือชำแหละเข้ามาในเขตเทศบาลฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรจังหวัดพระนครฉบับที่ 37 ลงวันที่ 5 ต.ค. 96 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าประกาศฉบับนี้ได้ออกประกาศโดยอาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร มาตรา 8(6)(8) แต่ในคดีนี้ไม่ปรากฏว่าได้มีการห้ามการค้ากำไรเกินควรในเนื้อโคหรือกระบือชำแหละ ทั้งข้ออ้างของคณะกรรมการในการออกประกาศก็ว่าเพื่อสวัสดิภาพของประชาชนผู้บริโภคและเพื่อช่วยสงวนพันธุ์โคและกระบือสำหรับเกษตรกรรมด้วยหาใช่เพื่อป้องกันการค้ากำไรเกินควรไม่ ดังนั้นประกาศฉบับนี้จึงนอกเหนือวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรไม่มีผลใช้บังคับ คดีทำนองนี้ศาลฎีกาเคยพิพากษาเป็นบรรทัดฐานมาแล้วคือฎีกาที่ 327/2497 อัยการจังหวัดเลย โจทก์นายเกียน แพงพุ่ม จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องในข้อหานี้ชอบแล้ว
เหตุนี้จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยทำผิดฐานมีเนื้อกระบือชำแหละไว้เพื่อขายโดยไม่มีใบอนุญาตของเจ้าพนักงานกำกับตามพระราชบัญญัติอากรฆ่าสัตว์ พ.ศ. 2488 มาตรา 9 กระทงเดียวให้ปรับจำเลย100 บาท ลดรับสารภาพกึ่งหนึ่งคงปรับ 50 บาท ให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับแก่เจ้าพนักงานผู้จับอีกร้อยละ 20 ของค่าปรับนอกจากที่แก้นี้คงยืน