คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 803/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้เงินตามเช็คพิพาทพร้อมดอกเบี้ยนั้น แม้โจทก์จะมิได้บรรยายว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทมาด้วยมูลหนี้ใด ก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จะพึงนำสืบในชั้นพิจารณาต่อไป ไม่เป็นเหตุให้คำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
จำเลยซึ่งเป็นผู้ประมูลแชร์ไปได้แล้วมีหน้าที่ผูกพันตามข้อตกลงต้องส่งเงินคืนโดยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่ผู้ที่ยังประมูลไม่ได้ หรือสั่งจ่ายเช็คพิพาทมอบแก่ ป. หัวหน้าวงแชร์เพื่อมอบแก่ผู้ที่ยังประมูลไม่ได้ ซึ่งถือว่าเช็คพิพาทนั้นมีมูลหนี้ต่อกันแล้วเมื่อโจทก์ได้เช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คผู้ถือไว้ในครอบครองไม่ว่าจะเป็นโดย ป. ส่งมอบให้เพื่อชำระค่าแชร์ หรือโจทก์รับมาจากจำเลยโดยตรงก็ตาม โจทก์ก็เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904 การที่ต่อมานายวงแชร์หนีและแชร์วงนี้ล้ม โจทก์ย่อมหมดโอกาสที่จะประมูลแชร์ได้ต่อไป โจทก์จึงชอบที่จะเรียกให้จำเลยชำระหนี้ค่าแชร์ที่ต้องส่งคืนให้แก่โจทก์ได้ทันทีเมื่อวงแชร์ล้ม ดังนั้น ตั้งแต่วันที่แชร์วงนี้ล้ม โจทก์ชอบที่จะลงวันที่สั่งจ่ายในเช็คพิพาทและนำไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารได้ เพราะโจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายและวันสั่งจ่ายที่ลงในเช็คพิพาทถือว่าเป็นวันที่ถูกต้องแท้จริง เมื่อเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินไม่ได้จำเลยผู้สั่งจ่ายจึงต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 914 ประกอบมาตรา 989
การเล่นแชร์เป็นสัญญาประเภทหนึ่งอันเกิดจากการตกลงกันระหว่างสมาชิกผู้เล่นซึ่งมีผลผูกพันและบังคับได้ตามกฎหมาย การชำระหนี้ค่าแชร์จึงหาใช่มีมูลหนี้ที่ขัดต่อกฎหมายไม่ ส่วนการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนนั้นมีการรับเงินและผู้กู้ยืมเงินตกลงว่าจะจ่ายผลตอบแทนแก่ผู้ให้กู้ยืมเงินโดยไม่มีการประมูลจ่ายผลตอบแทนดังเช่นการเล่นแชร์ ทั้งการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนก็เป็นกรณีที่กำหนดดอกเบี้ยหรือผลประโยชน์ตอบแทนไว้แน่นอน ซึ่งอาจมีอัตราสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดของสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยในการกู้ยืมเงินของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ เมื่อการเล่นแชร์วงนี้เป็นการประมูลผลประโยชน์ที่จะให้แก่สมาชิกลูกวงแชร์ด้วยกันที่มีจำนวนมากหรือน้อยตามความต้องการของผู้ประมูลจึงไม่อยู่ในข่ายเป็นความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนฯ ทั้งในทางนำสืบของจำเลยก็รับว่าเมื่อจำเลยประมูลแชร์ได้ก็จะสั่งจ่ายเช็คมอบให้แก่ ป. นายวงแชร์ซึ่งมิใช่นิติบุคคลการเล่นแชร์วงนี้จึงหาขัดต่อพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ฯ ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกเช็คธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาเพชรบุรีตัดใหม่ลงวันที่ 2 กันยายน 2540 สั่งจ่ายเงินจำนวน 60,000 บาทรวม 4 ฉบับ มอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำไปเรียกเก็บเงินแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้ง 4 ฉบับ โดยให้เหตุผลว่า “โปรดติดต่อผู้สั่งจ่าย” ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 256,650 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงินจำนวน 240,000บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่บรรยายฟ้องให้ชัดเจนว่า ได้รับเช็คพิพาทมาอย่างไร เพื่อชำระหนี้อะไร จึงเป็นคำฟ้องที่เคลือบคลุม จำเลยออกเช็คพิพาทโดยไม่ลงวันที่มอบให้นายปรีชา องค์ศุลี ซึ่งเป็นนายวงแชร์ที่โจทก์ร่วมเล่นด้วย เนื่องจากจำเลยประมูลแชร์ได้ ต่อมามีการเลิกวงแชร์ก่อนที่โจทก์จะประมูลได้ โจทก์และนายปรีชาจึงร่วมกันฉ้อฉลโดยโจทก์รับเช็คพิพาทจากนายปรีชาลงวันที่และเรียกเก็บเงิน โจทก์จึงมิใช่ผู้ทรงโดยชอบโจทก์ยังค้างชำระเงินจำนวน 240,000 บาท ซึ่งต้องชำระแก่จำเลยเนื่องจากจำเลยเคยประมูลแชร์ได้ เช็คพิพาทจึงไม่มีมูลหนี้ นายปรีชารับเช็คพิพาทจากจำเลยเนื่องจากการเล่นแชร์ที่ขัดต่อกฎหมายเพราะมีผู้เล่นเกิน 10 คน และมีมูลค่าแชร์เกิน 5,000,000บาท โจทก์รับเช็คจากนายปรีชา โจทก์จึงมิใช่ผู้ทรงโดยชอบ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 240,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 3 กันยายน 2540 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องให้ไม่เกิน 16,650 บาท ตามที่โจทก์ขอ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันฟังได้ว่า โจทก์กับจำเลยและบุคคลอื่นตกลงเล่นแชร์กันโดยนายปรีชา องค์ศุลี เป็นนายวงแชร์ส่วนโจทก์กับจำเลยเป็นลูกวงแชร์ เมื่อจำเลยประมูลแชร์ไปแล้วทั้ง 2 มือ จำเลยจึงสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้ง 4 ฉบับ ต่อมาโจทก์นำเช็คพิพาทลงวันที่และนำไปเรียกเก็บเงินแต่ธนาคารตามเช็คพิพาทปฏิเสธการจ่ายเงิน ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกมีว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ จำเลยฎีกาว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า โจทก์รับเช็คพิพาททั้ง4 ฉบับมาจากผู้ใดและเพื่อชำระหนี้ค่าอะไรจึงเป็นคำฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ ขาดความชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ จึงเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมนั้น เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้ง 4 ฉบับเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย เมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนดโจทก์นำเช็คเข้าบัญชีที่ธนาคารเพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คพิพาทปฏิเสธการจ่ายเงิน จึงขอให้บังคับจำเลยใช้เงินตามเช็คพิพาทพร้อมดอกเบี้ย ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว โดยบรรยายไว้แล้วว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้ง 4 ฉบับ เพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ แม้โจทก์จะมิได้บรรยายในคำฟ้องว่า โจทก์ได้รับเช็คพิพาทมาด้วยมูลหนี้ใด ก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จะพึงนำสืบในชั้นพิจารณาต่อไปไม่เป็นเหตุให้คำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการที่สองมีว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้ประมูลแชร์ไปได้แล้วจึงมีหน้าที่ผูกพันตามข้อตกลงต้องส่งเงินคืนคือสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ที่ยังประมูลไม่ได้ ดังนั้น การที่จำเลยประมูลแชร์ได้ แล้วสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ผู้ที่ยังประมูลไม่ได้ก็ดี หรือสั่งจ่ายเช็คพิพาทมอบแก่นายปรีชาหัวหน้าวงแชร์เพื่อมอบให้แก่ผู้ที่ยังประมูลไม่ได้ก็ดี ก็ถือว่าเช็คพิพาทนั้นมีมูลหนี้ต่อกันแล้ว เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้เช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คผู้ถือไว้ในครอบครอง โดยแม้จะฟังว่านายปรีชานายวงแชร์ส่งมอบให้เพื่อชำระค่าแชร์ หรือโจทก์รับเช็คพิพาทเพื่อชำระค่าแชร์จากจำเลยโดยตรง โจทก์ก็เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904 ต่อมาเมื่อนายวงแชร์หนีและแชร์วงนี้ล้ม โจทก์ย่อมหมดโอกาสที่จะประมูลแชร์ได้ต่อไป โจทก์จึงชอบที่จะเรียกให้จำเลยชำระหนี้เงินค่าแชร์ที่ต้องส่งคืนให้แก่โจทก์ได้ทันทีเมื่อวงแชร์ล้ม ดังนั้น ตั้งแต่วันที่แชร์วงนี้ล้มโจทก์ชอบที่จะลงวันสั่งจ่ายในเช็คพิพาทและนำไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารตามเช็คพิพาทได้ เพราะกรณีนี้ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย และวันสั่งจ่ายที่ลงในเช็คพิพาทถือว่าเป็นวันที่ถูกต้องแท้จริง เมื่อโจทก์ลงวันสั่งจ่ายในเช็คพิพาทและนำเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน แต่เช็คพิพาทเรียกเก็บเงินไม่ได้ จำเลยผู้สั่งจ่ายจึงต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 914 ประกอบมาตรา 989 การที่จำเลยฎีกาอ้างว่า นายปรีชานายวงแชร์ไม่ได้นำเช็คของโจทก์มาให้จำเลยนั้น ไม่เป็นเหตุที่จำเลยจะปฏิเสธไม่ชำระเงินตามเช็คพิพาทที่จำเลยสั่งจ่ายไว้ให้แก่โจทก์เพราะเป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องว่ากล่าวเอากับนายปรีชานายวงแชร์โดยตรง ส่วนที่จำเลยให้การว่าโจทก์กับนายปรีชานายวงแชร์ร่วมกันคบคิดฉ้อฉลจำเลย ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยนำสืบถึงเรื่องการโอนเช็คพิพาทระหว่างนายปรีชากับโจทก์ได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉลแต่ประการใด คงนำสืบเพียงว่าเมื่อจำเลยประมูลแชร์ได้และสั่งจ่ายเช็คพิพาทและเช็คฉบับอื่นให้นายปรีชาไปแล้ว นายปรีชาไม่ได้รวบรวมเงินจากลูกวงแชร์มาให้ตามข้อตกลงและหลบหนีไป เช็คพิพาทจึงมีมูลหนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น จึงรับฟังไม่ได้ว่ามีการโอนเช็คพิพาทด้วยคบคิดกันฉ้อฉลดังที่จำเลยต่อสู้ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการสุดท้ายมีว่า การที่โจทก์กับจำเลยร่วมกันเล่นแชร์วงนี้เข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชกำหนดกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และนิติบุคคลเป็นนายวงแชร์จึงเป็นนิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามโดยชัดแจ้งต่อกฎหมายตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 เช็คพิพาทจึงมีมูลหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า การเล่นแชร์เป็นสัญญาประเภทหนึ่งอันเกิดจากการตกลงกันระหว่างสมาชิกผู้เล่น ซึ่งมีผลผูกพันและบังคับได้ตามกฎหมาย การชำระหนี้ค่าแชร์จึงหาใช่มีมูลหนี้ที่ขัดต่อกฎหมายไม่ ส่วนการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนนั้น มีการรับเงินและผู้กู้ยืมเงินตกลงว่าจะจ่ายผลตอบแทนแก่ผู้ให้กู้ยืมเงินโดยไม่มีการประมูลจ่ายผลตอบแทนดังเช่นการเล่นแชร์ ทั้งการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนก็เป็นกรณีกำหนดดอกเบี้ยหรือผลประโยชน์ตอบแทนไว้แน่นอน ซึ่งอาจมีอัตราสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดของสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยในการกู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ เมื่อการเล่นแชร์วงนี้เป็นการประมูลผลประโยชน์ที่จะให้แก่สมาชิกลูกวงแชร์ด้วยกันที่มีจำนวนมากหรือน้อยตามความต้องการของผู้ประมูลจึงไม่อยู่ในข่ายเป็นความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และแชร์วงนี้ตามคำให้การและทางนำสืบของจำเลยก็รับว่านายปรีชาซึ่งเป็นผู้จัดการบริษัทปรีชาวรรณ จำกัด และห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลเจริญผลเป็นนายวงแชร์ เมื่อจำเลยประมูลแชร์ได้ จำเลยสั่งจ่ายเช็คส่งมอบให้แก่นายปรีชา เช่นนี้ จึงรับฟังได้ว่านายปรีชาเป็นนายวงแชร์หาใช่นิติบุคคลเป็นนายวงแชร์ไม่ การเล่นแชร์วงนี้จึงหาขัดต่อพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 ไม่ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”

พิพากษายืน

Share