คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2522/2521

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ภริยาไม่จดทะเบียนของเจ้ามรดก แต่เป็นเจ้าของทรัพย์สินรวมกับเจ้ามรดก มีส่วนได้เสียที่จะขอตั้งผู้จัดการมรดกและเป็นผู้จัดการมรดกได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นเห็นว่าผู้ร้องเป็นภริยาไม่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดก ไม่ใช่ทายาท ไม่มีสิทธิเป็นผู้จัดการมรดก จึงมีคำสั่งถอนผู้ร้องจากเป็นผู้จัดการมรดกและตั้งผู้คัดค้านซึ่งเป็นน้องร่วมบิดามารดาเป็นผู้จัดการมรดก ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ผู้ร้องและผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน ผู้คัดค้านฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงแห่งคดีฟังเป็นยุติได้ว่านายเทียน ฉุนราชา เจ้ามรดกได้ผู้ร้องเป็นภริยาโดยไม่จดทะเบียนสมรสและอยู่กินทำมาหาได้ร่วมกันมานาน 20 ปีแล้ว ตราบจนกระทั่งนายเทียนตายเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2518 โดยมิได้ทำพินัยกรรมไว้ นายเทียนมีทรัพย์สินเป็นที่ดินสวนมะพร้าวบ้านเรือนและสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ตลอดจนเงินฝากธนาคารในชื่อของนายเทียนและผู้ร้องร่วมกัน กับยังมีเงินซึ่งให้คนอื่นกู้ไปอีกหลายราย นายเทียนและผู้ร้องไม่มีบุตรด้วยกัน บิดามารดาของนายเทียนก็ตายไปหมดแล้ว นายเทียนมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด 9 คนผู้คัดค้านเป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันคนหนึ่งของนายเทียน

ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้ร้องเป็นภริยาไม่ชอบด้วยกฎหมายของนายเทียนผู้ร้องย่อมมีสิทธิเป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันมากับนายเทียนผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่จะขอตั้งผู้จัดการมรดกรายนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 349/2515 ระหว่างนางทุเรียน เชี่ยวชาญ ผู้ร้อง นางเลื่อน เชี่ยวชาญผู้คัดค้าน และผู้ร้องไม่เป็นบุคคลต้องห้ามในการเป็นผู้จัดการมรดกตามกฎหมายแต่อย่างใด ทั้งยังปรากฏว่าผู้ร้องเป็นผู้ครอบครองทรัพย์สินร่วมกับนายเทียนจนกระทั่งตาย เงินที่ฝากธนาคารไว้หรือให้ใครกู้ไปเท่าใดมีหลักฐานอย่างไรผู้ร้องก็ทราบดี ผู้ร้องจึงมีความเหมาะสมที่จะร่วมจัดการมรดกรายนี้

ที่ผู้คัดค้านฎีกาว่า ประเด็นเรื่องผู้ร้องมีสิทธิขอจัดการมรดกในฐานะเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่มีในชั้นเดิม ผู้ร้องเพิ่งจะมากล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์เป็นการนอกประเด็นแห่งคดีนั้น ปรากฏว่าผู้ร้องได้ยกประเด็นนี้ขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นแล้ว ดังปรากฏตามคำแถลงคดัค้านของผู้ร้องลงวันที่ 19เมษายน 2519 ฉะนั้นที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่ผู้ร้อง จึงไม่เป็นการนอกประเด็นแห่งคดี

ที่ผู้คัดค้านฎีกาว่าผู้ร้องใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริตมาหลอกลวงศาลว่าตนเองเป็นทายาทโดยธรรมและปกปิดทายาทที่แท้จริง อันเป็นการกระทำที่ต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดกนั้น ปรากฏว่าผู้ร้องได้ยอมรับโดยชัดแจ้งในคำแถลงลงวันที่ 19 เมษายน 2519 ว่าผู้ร้องเป็นเพียงภริยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและผู้ร้องไม่ขัดข้องในการที่ผู้คัดค้านหรือทายาทอื่นจะรับมรดกส่วนของนายเทียน เห็นได้ว่าผู้ร้องมิได้กระทำการอันเป็นการหลอกลวงศาลหรือปกปิดทายาทที่แท้จริงดังที่ผู้ร้องได้ฎีกา จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องได้ใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริต

ที่ผู้คัดค้านฎีกาว่า ทรัพย์มรดกรายนี้มีแต่ที่ดินโฉนดเลขที่ 2749ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นสินเดิมของนายเทียนผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียประการใดในที่ดินรายนี้ หากศาลฎีกาเห็นว่าผู้ร้องสมควรเป็นผู้จัดการมรดกร่วมด้วยในฐานะเป็นผู้มีส่วนได้เสียก็ควรยกเว้นมิให้ผู้ร้องจัดการร่วมในที่ดินดังกล่าวนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าประเด็นเรื่องทรัพย์มรดกชิ้นใดจะตกได้แก่ใครเพียงไรนั้นเป็นปัญหาในชั้นแบ่งปันมรดกในชั้นนี้มีประเด็นเพียงว่าใครสมควรเป็นผู้จัดการมรดกเท่านั้น อนึ่งมรดกรายนี้มิได้มีแต่ที่ดินเท่านั้นแต่ยังมีบ้านเรือนสิ่งปลูกสร้าง สังหาริมทรัพย์และเงินฝากในธนาคารตลอดจนเงินที่ให้บุคคลอื่นกู้ไป ซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้ล้วนอยู่ในความครอบครองของผู้ร้องการให้ผู้ร้องและผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันย่อมจะเป็นประโยชน์แก่กองมรดก ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ผู้ร้องและผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้ร่วมกัน ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”

พิพากษายืน

Share