แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยบุกรุกเจาะกำแพงทำประตูเข้าครอบครองห้องที่โจทก์เช่ามาและครอบครองตลอดมาจนถึงวันฟ้อง เป็นละเมิดต่อโจทก์ตลอดมาเป็นเวลากว่า 1 ปี ไม่ขาดอายุความขับไล่ และเรียกค่าเสียหาย
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยขนย้ายของออกจากห้องที่โจทก์เช่า ซึ่งจำเลยเจาะกำแพงบุกรุกเข้าไปครอบครอง กับให้ใช้ค่าเสียหายจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกามีว่าจำเลยที่ 2 ได้ทำละเมิดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ และฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 เช่าที่ดินปลูกสร้างอาคารมาจากสำนักงานพระคลังข้างที่เจ้าของเดิมและจดทะเบียนการเช่ามีกำหนด 15 ปีนับแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2506 และศาลชั้นต้นได้ไปตรวจกำแพงตึกที่พิพาทปรากฏว่า เป็นช่องใส่วงกบประตู นายสมชัย พจน์เสถียรกุล คนเฝ้าห้องของโจทก์ได้ยินเสียงทุบประตูด้านนั้น ได้มาดูพบจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2บอกว่าเจ้าของยกให้ และนายสมชัยโทรศัพท์แจ้งให้โจทก์ทราบ โจทก์ให้ทนายความมีหนังสือถึงจำเลยที่ 2 ให้จัดการซ่อมแซมและใช้ค่าเสียหายทั้งได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน ฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ทำละเมิด ทั้งจำเลยที่ 1เบิกความว่าถ้าเอาที่พิพาทไปให้คนอื่นเช่าช่วงจะได้เงินแสนบาทเศษ เห็นว่าที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดค่าเสียหายไม่สูง ศาลฎีกาไม่เห็นควรแก้ไข
ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาในเรื่องอายุความนั้น แม้จะฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2ละเมิดบุกรุกเข้าครอบครองห้องพิพาทในวันที่ 30 ธันวาคม 2516 แต่เมื่อบุกรุกแล้ว จำเลยที่ 2 ก็ครอบครองห้องพิพาทตลอดมาจนถึงวันโจทก์ฟ้องคือวันที่ 10 พฤษภาคม 2518 โดยไม่มีสิทธิจะครอบครองได้และทำให้โจทก์เสียหาย การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นละเมิดต่อโจทก์ตลอดมาถึงวันฟ้องฉะนั้นคดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ”
พิพากษายืน