คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2521

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ค่าขาดประโยชน์ที่เป็นข้อยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัยไม่หมายความถึงค่าเสื่อมราคาของรถที่ถูกชน อันเป็นความเสียหายแก่ตัวทรัพย์โดยตรง การแปลความหมายตามธรรมดาของสัญญาเป็นปัญหาข้อกฎหมายซึ่งเป็นหน้าที่ของศาลเท่านั้นที่จะวินิจฉัยชี้ขาด คู่ความจะแถลงรับกันโดยไม่ถูกต้องไม่ได้

ย่อยาว

จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โดยประมาทชนท้ายรถยนต์ของโจทก์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงิน 20,445 บาทแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 2ผู้รับประกันภัยร่วมรับผิดด้วย 19,445 บาท กับดอกเบี้ยจำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีนี้สู่การพิจารณาของศาลฎีกาเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย ที่ศาลฎีกาสั่งรับไว้เกี่ยวกับข้อที่จำเลยที่ 2 ได้โต้เถียงความหมายของข้อความในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ลงวันที่ 19กุมภาพันธ์ 2519

ในปัญหาข้อนี้ ศาลฎีกาได้ตรวจดูรายงานกระบวนพิจารณาฉบับดังกล่าวแล้วเห็นว่า การแปลความหมายตามธรรมดาของสัญญานั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมาย หาใช่เป็นปัญหาข้อเท็จจริงไม่ ฉะนั้นเมื่อมีกรณีพิพาทเกิดขึ้นว่าข้อความในสัญญาแปลความหมายว่าอย่างไร ปัญหาข้อกฎหมายที่พิพาทกันนั้นย่อมเป็นหน้าที่ของศาลเท่านั้นที่จะเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด คู่ความจะแถลงรับกันโดยไม่ถูกต้องไม่ได้ คดีนี้คู่ความทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็แถลงรับตรงกันอยู่ว่าความรับผิดของจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญากรมธรรม์ทุกประการต่างไม่ติดใจสืบพยานอีกต่อไป ดังนั้นการที่ศาลล่างทั้งสองยกเอาเงื่อนไขตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัย เอกสารหมาย ล.2 หมวดที่ 2 ข้อ 3 ขึ้นเป็นหลักวินิจฉัยชี้ขาดตัดสินคดีจึงเป็นการชอบแล้ว

ศาลฎีกาได้พิเคราะห์ข้อความในกรมธรรม์ประกันภัยในบทที่ว่าด้วยเงื่อนไขว่าด้วยข้อยกเว้นทั่วไปข้อ 3 ตามที่จำเลยที่ 2 อ้างในฎีกาแล้วเห็นว่า จำเลยที่ 2 จะได้รับยกเว้นไม่ต้องรับผิดแต่เฉพาะค่าเสียหายซึ่งเป็นสิทธิเรียกร้องของบุคคลภายนอกอันเกี่ยวกับการขาดผลประโยชน์เท่านั้น ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีค่าเสื่อมราคาของรถยนต์โจทก์เป็นจำนวนเงิน 12,000 บาทนั้นหาใช่เป็นค่าเสียหายที่เป็นสิทธิเรียกร้องอันเกี่ยวกับการขาดประโยชน์ของโจทก์แต่อย่างใดไม่ การที่รถยนต์ของโจทก์ถูกชนเสียหายจนเป็นเหตุให้ราคารถยนต์ของโจทก์ตกต่ำนั้น ค่าเสียหายเช่นนี้ย่อมต้องถือว่าเป็นความสูญเสียที่เกิดแก่ตัวทรัพย์ของโจทก์โดยตรงจากผลของการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์ด้วย ไม่ใช่เป็นค่าเสียหายประเภทที่โจทก์ต้องขาดประโยชน์ที่พึงมีพึงได้ถ้าหากรถยนต์ของโจทก์ถูกชน”

พิพากษายืน

Share