แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยิงคนที่เดินกลับจากนาเฉยๆ และมิใช่เป็นคนร้ายโดยจำเลยมิได้พินิจพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อน แต่จำเลยสำคัญผิดไปว่าเป็นคนร้ายที่จะมาแย่งชิงทรัพย์จำเลยเช่นนี้ ไม่เป็นข้อแก้ตัวให้จำเลยพ้นผิดไปได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 61 การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันทรัพย์เกินสมควรแก่เหตุและกรณีแห่งความจำเป็น
โจทก์บรรยายฟ้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดำที่ 198/2500ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี และโจทก์เพิ่งจะมากล่าวอ้างในท้ายคำอุทธรณ์ของโจทก์นั้นว่าคดีดำที่ 198/2500 ศาลพิพากษาไปแล้ว พิพากษาว่ากระไรก็ไม่กล่าว สำนวนก็ไม่อ้างมาประกอบ การกล่าวอ้างเพื่อประโยชน์แก่คดีของโจทก์ โจทก์จะต้องกล่าวอ้างให้ชัดเจนประกอบด้วยหลักฐานว่าคดีได้ดำเนินไปแล้วประการใด เช่นนี้ ไม่ใช่เป็นข้ออันศาลควรจะรู้ได้เอง ศาลฎีกาไม่สั่งนับโทษต่อให้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้ปืนยิงนายเคลิ้มตายโดยเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และขอให้นับโทษต่อจากคดีดำที่ 198/2500
จำเลยให้การว่ายิงผู้ตายจริง เพราะในคืนเกิดเหตุจำเลยกลับจากขายกระบือถึงกลางป่าพบผู้ตายกับพวกอีก 1 คนยืนอยู่ข้างทางและมีปืนด้วย จำเลยตกใจคิดว่าเป็นคนร้ายจึงได้ยิงไป และรับว่าจำเลยเป็นคน ๆ เดียวกับจำเลยในคดีดำที่ 198/2500 ของศาลจริง
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยยิงผู้ตายเนื่องจากความที่ตื่นตกใจกลัว เห็นว่ายังไม่สมควรลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 ตอนท้ายพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยฆ่าคนตายโดยประมาท พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 62 วรรค 2จำคุก 2 ปี ที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อคดีดำของศาลจังหวัดสุพรรณบุรีที่ 198/2500 นั้น ไม่ปรากฎว่าคดีดำดังกล่าวศาลได้พิพากษาแล้วหรือยัง จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการที่จำเลยยิงปืนไป 1 นัด โดยมุ่งเล็งไปทางคนที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นเป็นการกระทำโดยเจตนาและประสงค์ต่อผลคือการยิงคนที่อยู่ในขณะนั้นด้วยความสำคัญว่าเป็นคนร้ายที่จะมาแย่งทรัพย์ของจำเลย แต่ปรากฏว่าผู้ตายเป็นคนเดินทางกลับจากนามาเฉย ๆ และมิใช่คนร้าย โดยจำเลยมิได้พินิจพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อนเช่นนี้ ไม่เป็นข้อแก้ตัวให้จำเลยพ้นผิดไปได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 61 การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันทรัพย์เกินสมควรแก่เหตุ และกรณีแห่งความจำเป็น แต่จำเลยควรได้รับความกรุณาอยู่บ้าง
ข้อที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดำที่ 198/2500 นั้นเมื่อศาลตัดสินคดีดำที่ 198/2500 แล้ว โจทก์ไม่แถลงให้ศาลทราบว่าคดีนั้นศาลได้ตัดสินไปประการใด มาปรากฎในท้ายอุทธรณ์ของโจทก์ตอนหนึ่งว่า คดีดำที่ 198/2500 ศาลได้พิพากษาไปแล้วตัดสินว่ากระไรก็ไม่ได้กล่าวสำนวนก็ไม่อ้างประกอบ การกล่าวอ้างเพื่อเป็นประโยชน์แก่คดีของโจทก์โจทก์จะต้องกล่าวให้ชัดเจนประกอบด้วยหลักฐานว่าคดีได้ดำเนินไปแล้วประการใด ไม่ใช่เป็นข้อที่ศาลจะรู้ได้เองอย่างที่โจทก์ฎีกาขึ้นมา
พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วย มาตรา 61 และ 69 ให้จำคุก 1 ปี