คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การสลักหลังเช็คซึ่งสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือนั้น ย่อมเป็นเพียงประกัน(อาวัล)สำหรับผู้สั่งจ่ายเมื่อผู้ใดสลักหลังเช็คนั้น ก็ต้องรับผิดในฐานเป็นผู้สลักหลัง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คของธนาคารเกษตร จำกัด โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังเช็คโจทก์นำเช็คเข้าบัญชีฝากเงินของโจทก์ในธนาคารกสิกรไทย จำกัด เพื่อให้ธนาคารกสิกรไทยจำกัดเรียกเงินตามเช็คจากธนาคารเกษตรจำกัดแต่ธนาคารเกษตรฯ ปฎิเสธการจ่ายเงิน เพราะจำเลยไม่มีเงินในธนาคารที่จะจ่ายตามเช็ค (เช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ)

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่น คำให้การและไม่มาดำเนินคดีชั้นพิจารณา

จำเลยที่ 2 ให้การว่า ไม่เคยมีนิติสัมพันธ์และไม่เคยติดต่อกับจำเลยที่ 1 หรือโจทก์ และไม่ได้สลักหลังเช็ค หลังเช็คมีแต่เพียงยี่ห้อ ซึ่งไม่ใช่บุคคลจึงไม่ต้องรับผิด

ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินโจทก์ตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2 เห็นว่าทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คให้โจทก์ ๆ นำเช็คมาให้จำเลยที่ 2 ประทับตรารับรองการใช้หนี้ของจำเลยที่ 1 ให้โจทก์ เป็นการนำสืบไม่ตรงกับฟ้อง และหากเป็นไปตามที่โจทก์สืบ ก็ไม่เป็นอาวัล อันต้องรับผิด จึงไม่ต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ตราที่ประทับหลังเช็คจะเป็นตราของจำเลยที่ 2 และจะได้เป็นผู้ประทับตรานั้นหรือไม่ ให้ยกคำขอสำหรับจำเลยที่ 2

โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดร่วมตามฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ให้ศาลแพ่งวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาใหม่

ศาลฎีกาพิพากษายืนศาลอุทธรณ์โดยวินิจฉัยว่า ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921 ซึ่งให้นำมาใช้ในเรื่องเช็คด้วยบัญญัติว่า การสลักหลังตั๋วแลกเงิน ซึ่งสั่งให้ใช้แก่ผู้ถือนั้น ย่อมเป็นเพียงประกัน (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่าย หากคดีฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังเช็คนั้นจริงจำเลยที่ 2 ก็ต้องรับผิดตามฟ้อง

Share